h t t p s : // s t a n g. s c . m a h i d o l. a c . t h / b o o k f a i r49/

โครงการจัดงานมหกรรมหนังสือ “มหิดล-พญาไทบุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 2”
(The 2nd Mahidol-Phayathai Book Fair)
ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2549
ณ บริเวณตึกกลม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท

หนังสือเล่มโปรด - My Loved Book
บทสัมภาษณ์ .. ชาวมหิดล คนรักการอ่าน
(ต้องการให้ไปสัมภาษณ์ "หนอนหนังสือ" คนไหน บอกนะคะ ..)
|| ศ.ดร. รัชนีย์ อุดมแสงเพ็ชร์ || ศ.ดร. อมเรศ ภูมิรัตน || ศ.ดร. นทีทิพย์ กฤษณามระ || ชุติมา กิตติวราพงศ์ || สนิท แสงเหลา || ธเนศ ปิติธรรมภรณ์ || ดร. ประพัฒน์ สุริยผล || อนุชา แสนระวัง
|| เอมอร ทองเป็นใหญ่ || ชาญ ลออวรเกียรติ || ผศ.ดร. ยุทธนา ตันติรุ่งโรจน์ชัย || รศ.ดร. ศรีสุดา วรามิตร || รศ.ดร. นภดล ไชยคำ || ดร. ภิญโญ พานิชพันธ์
|| รศ. ดร. มธุรส พงษ์ลิขิตมงคล || น.สพ. เกรียงไกร ประการแก้ว || สพ.ญ.รวงรัตน์ พุทธิรงควัตร || คัทรินทร์ ธีระวิทย์ || ร.ต. คมสัน จ้อยลี ร.น.
|| อภิชัย อารยะเจริญชัย || ด.ญ. รุจรวี อัศวิษณุ ||
หนังสือเล่มโปรด
หนังสือที่แต่งโดย 1. Jonathan Kellerman, 2. Jessica Fletcher,
3. Patricia Cornwell, 4. Dan Brown
(ชอบผลงานของนักเขียนทั้ง 4 คน ไม่ได้เรียงลำดับมากน้อย)
ผู้ให้สัมภาษณ์
ศ.ดร. รัชนีย์ อุดมแสงเพ็ชร์
อาจารย์ประจำภาควิชาพยาธิชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? ชอบอ่านเรื่องสืบสวน ลึกลับ ปริศนา ค้นคว้าที่แฝงไว้ด้วยมุขของคนเขียน ชวนให้เกิดการคาดการณ์ต่างๆ นานา และอยากรู้เหตุการณ์ข้างหน้า ทำให้เราเร่งอ่านเนื้อหาและไม่อยากหยุดจนกว่าจะรู้ผลลัพธ์ที่ได้ในที่สุด การอ่านหนังสือประเภทนี้ ได้ความบันเทิงและการฝึกตัวเองให้เดินต่อไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ละทิ้งอะไรง่ายๆ และอยากรู้อยากเห็นจนถึงจุดสุดท้ายเท่าที่จะเป็นไปได้
(ปัจจุบันกำลังหานักเขียนคนไทย ที่มีฝีมือการดำเนินเรื่องทำนองนี้)
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
-

หนังสือเล่มโปรด
หนังสือหลายเล่มที่แต่งโดย Arthur Hailey
เช่น Detective, The evening news, Strong Medicine, Overload, The Money Changers, Wheels, Air-port, Hotel, In high places, The Final Diagnosis.
ผู้ให้สัมภาษณ์
ศ.ดร. อมเรศ ภูมิรัตน
คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้อำนวยการศูนย์ประยุกต์และบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? เมื่อมีเวลาว่าง ผมมักชอบอ่านนวนิยายภาษาอังกฤษ โดยมักจะอ่านนวนิยายในแบบ pocket book เป็นประจำ ผมได้อ่านนวนิยายที่แต่งโดยนักประพันธ์หลายคน เช่น Robin Cook, Sidney Sheldon, John Grisham, Jeffrey Archer และท่านอื่นๆ แต่ในมุมมองของผมเองนักประพันธ์เหล่านี้ ไม่มีใครสู้ Arthur Hailey ได้… ผมจำไม่ได้แล้วว่าเริ่มต้นที่เล่มไหน อาจจะเป็นเรื่อง "Air-port" เมื่อหลายปีมาแล้ว จากนั้นก็ได้อ่านเกือบทุกเรื่องที่แต่งโดยนักประพันธ์ผู้นี้ ในแต่ละเรื่องที่ได้อ่าน นอกจากความตื่นเต้นแล้ว การเรียบเรียงเนื้อเรื่องให้มีความรู้สึกว่าหน้าต่อๆ ไปจะเป็นเรื่องที่น่ารู้มากกว่าหน้าที่ผ่านมาแล้ว ทำให้วางหนังสือเหล่านี้ยาก

นอกจากความสนุกสนานจากเรื่องที่ได้อ่านแล้ว Arthur Hailey ยังแสดงให้เห็นว่าเขาได้ "วิจัย" อย่างลึกซึ้งในแต่ละเรื่องที่เขาเขียน เนื้อหาในแต่ละเรื่องมีความแตกต่างกันมาก ทำให้เราได้ทราบรายละเอียดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและเบื้องหลังของธุรกิจที่หลากหลายสาขา ...หนังสือเหล่านี้อ่านแล้วสนุกและได้รับความรู้มากจริงๆ

ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้งานนี้มีเป็นประจำปีละครั้ง โดยให้เป็นกิจกรรมหลักอย่างหนึ่งที่ชาวพญาไทโดยทั่วไป ได้ดำเนินการร่วมกับชาวคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หนังสือเล่มโปรด
The 7 Habits of Highly Effective People / Stephen R. Covey
ผู้ให้สัมภาษณ์
ศ.ดร. นทีทิพย์ กฤษณามระ
หัวหน้าเครือข่ายวิจัยด้านการวิจัยแคลเซียมและกระดูก (COCAB)
อาจารย์ประจำภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? ที่จริงชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เมื่อไปเรียนที่เมืองนอก ใครๆก็บอกว่าถ้าอยากให้ภาษาดี ต้องอ่านหนังสืออ่านเล่นเยอะๆ ก็เลยทำตาม ภาษาดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือติดการอ่านหนังสือมาจนบัดนี้ ชอบอ่านหนังสือหลายประเภท เช่น ท่องเที่ยว ผจญภัย นิยายอิงประวัติศาสตร์ และ best sellers ทั้งหลาย โดยเฉพาะจำพวกที่ได้รับรางวัล Publitzer Prize และ Man Booker Prize
หนังสือเล่มโปรดเล่มนี้เป็นประเภท "พัฒนาตนเอง" แนะนำวิธีดำเนินชีวิตส่วนตัว หรือในการทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ผู้เขียนเล่าตัวอย่างประกอบจากชีวิตประจำวัน บอกวิธีเป็นขั้นตอนอย่างมีเหตุผล ชี้ให้เห็นการดำเนินชีวิตร่วมกับคนอื่นได้โดยลดความขัดแย้ง ไม่เอาเปรียบใคร ขณะเดียวกันก็ไม่เสียเปรียบ รู้จักการมองจากต่างมุม และรู้ที่จะใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์ เรียนรู้ที่จะปรับตัวในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกมาเมื่อ 17 ปีก่อน แต่เนื้อหายังนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน คนเขียนทำให้เราเข้าใจความหมาย "Interdependence is a higher value than independence" แถมอีก quotation ของ Groucho Marx 1985-1977 American film comedian " find television very educational. Every time someone switches it on, I go into another room and read a good book"
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ถ้าเราอยากได้หนังสือสักเล่ม ก็อาจไปซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานบุ๊คแฟร์นี้น่าจะเป็นโอกาสที่คนในถิ่นนี้ โดยเฉพาะในคณะวิทย์ฯ ได้เดินดูหนังสือไป คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป ในบรรยากาศที่เป็นกันเองจากงานสักนิด ชีวิตจะสดชื่นขึ้นเยอะเลย (แล้วก็จะมีแรงทำงานได้มากขึ้นอีก)
หนังสือเล่มโปรด
เรื่องวุ่นๆ ของน้องจุ๋มจิ๋ม / พ.ญ. ชัยวลี ศรีสุโข
ผู้ให้สัมภาษณ์
ชุติมา กิตติวราพงศ์
เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
เลขานุการคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? เมื่อก่อนเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือแนวเพื่อชีวิต ติดตามผลงานของคุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล คุณประเสริฐ จันทร์ดำ โตมาอีกหน่อยก็อ่านหนังสือของคุณประภัสสร เสวิกุล แต่พออายุเริ่มมากขึ้นก็เริ่มหันมาสนใจอ่านหนังสือแนวสุขภาพมากขึ้น จริงๆ แล้วมีนักเขียนในดวงใจหลายคน มีหนังสือในดวงใจก็หลายเล่ม แต่เหตุที่ตัดสินใจเลือกเล่มนี้ขึ้นมาเป็นหนังสือในดวงใจก็เนื่องจากเป็นหนังสือที่อ่านแล้วได้สาระ ความรู้โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง "ภายในและโรคเฉพาะของคุณผู้หญิง" ซึ่งผู้เขียนสามารถใช้คำมาอธิบาย มาบอกเล่าได้อย่างนุ่มนวล สุภาพ ไม่โป๊ นอกจากนี้ยังได้รับความสนุกชุ่มชื่นหัวใจ จากเรื่องราวชีวิตของนักศึกษาแพทย์ฝึกหัด ซึ่งมีความรักกุ๊กกิ๊กเกิดขึ้นในระหว่างเรียน รู้สึกชื่นชมผู้เขียนที่มีพรสวรรค์ในการนำเสนอเรื่องเชิงวิชาการให้สนุกน่าติดตาม
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้มีการเปิดตัวหนังสือใหม่ในงานมหิดล...พญาไท บุ๊คแฟร์ และเชิญนักเขียนดังๆ มาแจกลายเซ็นในงานด้วย และที่สำคัญอยากให้หนังสือใหม่ๆ ลดราคามากกว่า 5%
...อ่านหนังสือเถอะค่ะ..เพราะหนังสือไม่เคยทำให้ใครโง่…
หนังสือเล่มโปรด
มันสมอง / หลวงวิจิตรวาทการ
ผู้ให้สัมภาษณ์
สนิท แสงเหลา
นักวิชาการคอมพิวเตอร์
ฝ่ายเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์ สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยอ่านหนังสือเล่มไหนจนจบเล่ม และก็ไม่คิดอยากอ่านหนังสือถ้าไม่ต้องท่องไปสอบ จนกระทั่งผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คือ มันสมอง เขียนโดย หลวงวิจิตรวาทการ ตอนแรกผมสนใจชื่อหนังสือ มันแปลกดี เมื่ออ่านก็รู้ว่า มันสมองตนเองนั้นควรฝึกฝนอีกหลายขุม ผมอ่านอยู่หลายวัน ช่วงนั้นกำลังฝึกงาน พอว่างผมก็อ่าน ผมมีความรู้สึกว่า "ผมกำลังเข้าโรงเรียนฝึกสมองจริงๆ" เรียนคุณสมบัติที่สมองสำหรับเด็กหนุ่ม (ตอนนั้นนะครับ) ควรมีไว้ประจำตัว นอกจากนั้น หนังสือเล่มนี้เองทำให้ผมค้นหาหนังสือประเภทจิตวิทยาประยุกต์โดยไม่รู้ตัว และติดตามผลงานของท่านผู้เขียนอีกหลายเล่ม เช่น กุศโลบาย มหาบุรุษ ... ตอนนั้นหนังสือของท่านหาอ่านยาก ผมก็เลยไปหาอ่านที่หอสมุดแห่งชาติ ผมเรียนตอนบ่าย ก็อ่านตอนเช้า ทำให้ผมได้อ่านหนังสือดีๆ จากนั้นก็ติดลม ไปหาอ่านตามห้องสมุดประชาชน ห้องสมุด ม.ราม ... (แล้วก็เลยชอบอ่านหนังสือเรียนบ้าง) กระทั่งปัจจุบัน เมื่อเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไร ผมมักอ่านข้อความที่ขีดเส้นใต้ในหนังสือเล่มนี้ เป็นแรงกระตุ้นเตือนให้พัฒนาตนเองต่อไป
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
เราไม่ต้องไปเดินหาหนังสือไกล รถติดน้ำมันแพง ดีสำหรับคนทำงาน/เรียน ที่ไม่เวลาครับ หนังสือมาอยู่ใกล้ๆแล้ว น่าจะทำให้หลายๆคนสนใจในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น
หนังสือเล่มโปรด
PREY /
Michael Crichton
ผู้ให้สัมภาษณ์
ธเนศ ปิติธรรมภรณ์
นักศึกษาโครงการผลิตอาจารย์แพทย์ (Ph.D.-M.D.) มหาวิทยาลัยมหิดล
นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? จริงๆแล้ว ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือนิยายมาก ที่เป็นที่ถูกอกถูกใจที่สุดคือนิยายจีนและนิยายฝรั่งครับ ลังเลพอสมควรว่าจะแนะนำหนังสือเล่มไหน เพราะที่อ่านๆมาก็ชอบเสียเกือบทั้งหมด (หลายใจจริง) พอตัดสินใจจะแนะนำนิยายจีน 'มังกรคู่สู้สิบทิศ' ก็โดนอาจารย์นภดลตัดหน้าไปแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นก็นิยายฝรั่งบ้างแล้วกัน
หลายท่านคงจะรู้จักนักเขียนท่านนี้เป็นอย่างดีครับ เขาคือ Michael Crichton ถ้านึกชื่อไม่ออก ก็ขอให้นึกถึงนิยายเรื่องดังๆอย่าง Jurassic Park ที่ออกมาสั่นสะเทือนวงการหนังสือและวงการภาพยนตร์นั่นล่ะครับ ตัวผมเองก็เป็นแฟนนิยายของ Crichton มานานตั้งแต่สมัยมัธยม ชอบตรงที่ก่อนเขียนนิยายแต่ละเรื่อง ผู้แต่งจะทำการค้นคว้าข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง ทำให้นิยายของเขามีความสมจริงมาก สำหรับหนังสือในดวงใจของผมตอนนี้ก็เป็นของผู้แต่งท่านนี้แหละครับ ชื่อเรื่อง PREY หรือที่แปลเป็นไทยง่ายๆว่า เหยื่อ เห็นเพียงชื่ออย่างเดียวคงจะจินตนาการไม่ออกใช่ไหมครับว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ขอเฉลยว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี ครับ เนื้อเรื่องคร่าวๆก็เป็นสไตล์ประจำของผู้แต่งคือ มนุษย์ท้าทายธรรมชาติด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยังไม่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง แล้วก็โดนเทคโนโลยีของตนเองเล่นงานเอาครับ Crichton เขียนนิยายเรื่องนี้ออกมาได้ตื่นเต้นเร้าใจ และน่ากลัวเอามากๆ ข้อมูลเทคนิคที่มีในนิยายก็อ้างอิงกับบทความในวารสารวิทยาศาสตร์ได้จริง สำนวนภาษาในเรื่องนี้กระชับไม่เยิ่นเย้อ คำศัพท์ไม่ยากจนเกินไป เนื้อเรื่องเร้าใจ มีลูกล่อลูกชน แกนเรื่องสมบูรณ์ ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิก และอารมณ์ชัดเจน ผมถือว่าเป็น Top form ของ Crichton หลังจาก The lost world เลยทีเดียว อยากเชิญชวนให้ลองอ่านกันดู สำหรับผู้ที่ไม่นิยมอ่านภาษาอังกฤษ ตอนนี้เห็นฉบับแปลออกมาแล้ว น่าลองหามาอ่านดู รับรองไม่ผิดหวังครับ
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ดีใจมากๆที่จะมีงาน Book Fair อีกครั้ง จำได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วหมดสตางค์ซื้อหนังสือไปหลายเล่มทีเดียวครับ สำหรับครั้งนี้ หรือไม่ครั้งต่อไปก็ได้ อยากให้มีการบรรยายหรืออบรมความรู้เกี่ยวกับการเขียนหนังสือ การใช้สำนวนภาษาด้วยครับ
หนังสือเล่มโปรด
Harry Potter /
J.K. Rowling
ผู้ให้สัมภาษณ์
ดร. ประพัฒน์ สุริยผล
อาจารย์ / สถานส่งเสริมการวิจัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
Bioinformatician, Head of SNP Database Development Project /
Gene Identification Department , Centre National de Génotypage, ประเทศฝรั่งเศส
ทำไมจึงชอบ? Harry Potter คงเป็นหนังสือชุดโปรดของผู้อ่านหลายคน ผมได้มีโอกาสอ่านภาคภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เล่ม 1 จนเล่ม 6 (เล่มล่าสุด) สิ่งที่ประทับใจจากการอ่านเล่มแรก ครั้งแรก คือความสนุกสนาน จินตนาการ แล้วการวางพล็อตเรื่องของผู้เขียน ที่ทำให้ต้องติดตามอ่านรวดเดียวจนจบเล่ม และรอคอยอ่านเล่มต่อไป
เมื่อย้อนกลับมาอ่านครั้งที่สอง ผมเห็นความสามารถของผู้เขียนในการใช้ภาษาและศัพท์ง่าย ๆ แต่สามารถบรรยายให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่นคำกริยาที่แสดงความเคลื่อนไหวของตัวละคร ผู้เขียนเลือกใช้คำมากกว่า 10 คำในการนำเสนอ คำที่แสดงสีหน้า หรือท่าทางของตัวละครก็เป็นเช่นเดียวกัน ในการอ่านครั้งที่สอง ผมจึงให้ความสนใจไปกับเรื่องการใช้คำและภาษาของผู้เขียน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจภาษาอังกฤษมากทีเดียว ผมย้อนกลับมาอ่านอีกหลายครั้ง เพื่อศึกษาการวางพล็อตเรื่องและการเล่าเรื่องของผู้เขียน ผมเข้าใจว่า การเขียนหนังสือชุดในลักษณะนี้ จะประสบความสำเร็จได้นั้น ผู้เขียนจำเป็นจะต้องสร้างโลกสมมตินั้นจริง ต้องพาตัวเองเข้าไปสู่โลกสมมตินั้นแล้วนำมาบรรยาย รายละเอียดของโลกสมมติสำหรับผู้เขียนนั้นจะต้องมีมากกว่าที่นำเสนอในหนังสือเป็นอย่างมาก ผู้เขียนจำเป็นต้องคิดถึงที่มา อุปนิสัย และสภาพสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของตัวละครอย่างครบถ้วน เพื่อให้ได้เรื่องราวที่มีมิติ ตัวละครมีบุคลิกเฉพาะตัว และไม่มีความขัดแย้ง เมื่อครั้งที่ผมอ่าน Harry Potter เล่มที่ 3 จบ ผมต้องย้อนกลับไปเปิดเล่มที่ 1 และ 2 แล้วผมรู้สึกเหมือนกับว่า ในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนหนังสือเล่มที่ 1 ผู้เขียนได้วางแผนการเขียนไปถึงเล่มที่ 3 หรือเล่มต่อ ๆ ไปไว้แล้ว ว่าจะทิ้งเบาะแสใดไว้ แล้วนำไปเฉลยหรือนำเสนอรายละเอียดในเล่มใด อย่างไร
จุดเด่นอีกข้อที่ผมเห็นชัดเจนจากหนังสือ Harry Potter คือผู้เขียนสามารถนำผู้อ่านเข้าสู่โลกใหม่ของเวทมนตร์ได้อย่างราบรื่น การแนะนำสิ่งใหม่จะกระทำโดยการบรรยายให้เห็นภาพอย่างชัดเจน หรือเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผู้อ่านทราบอยู่แล้วอย่างกลมกลืน แล้วสามารถนำศัพท์นั้นมาใช้ในภายหลังได้อย่างไม่เคอะเขิน เช่น ผู้เขียนบรรยายถึง Hippogriff ในช่วงต้นของหนังสือเล่ม 3 แล้วนำมาใช้ในภายหลัง โดยแทนที่จะใช้ภาษาปกติว่า So hungry I could eat a horse. กลับใช้ว่า So hungry I could eat a hippogriff. แทน ทำให้เกิดอารมณ์ขัน ผู้อ่านรู้สึกมีส่วนร่วม เพราะเป็นศัพท์ที่เฉพาะผู้อ่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้นจะเข้าใจ และเป็นการตอกย้ำศัพท์ใหม่ให้กับผู้อ่าน ลักษณะการแนะนำสิ่งใหม่ แล้วนำมาใช้ใหม่นี้ สามารถเห็นได้ในหนังสือทุกเล่ม
สิ่งสุดท้ายที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับหนังสือทุกเล่ม คือจุดประสงค์ที่หนังสือต้องการสื่อออกมา ซึ่ง Harry Potter แสดงจุดยืนให้เห็นอย่างชัดเจน ว่า ต้องการเป็นกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเด็ก สู่วัยรุ่นและกำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ โดยใช้โลกเวทมนตร์เป็นเวทีแสดง ผู้เขียนประสบความสำเร็จในการนำเสนอ ปฎิสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ ความดีและความเลว ความกล้าหาญ ความเป็นเพื่อน และอีกหลายประการ รวมไปถึงความซับซ้อนยอกย้อนในระบบอำนาจการเมือง ได้อย่างสนุกสนาน และเพลิดเพลิน
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้มีกิจกรรมเสริม เพื่อให้คนไทยเขียนหนังสือกันเยอะ ๆ ด้วยครับ
อ่านหนังสือว่ายากแล้ว เขียนหนังสือให้ดียากยิ่งกว่าครับ ถ้าใช้โอกาสนี้ นำคนรักหนังสือ มารวมตัวกันเพื่อทำหน้าที่เป็นคนเขียนหนังสือด้วย น่าจะดีครับ
หนังสือเล่มโปรด
โมโม่ (Momo) /
มิชาเอ็ล เอ็นเด
ผู้ให้สัมภาษณ์
อนุชา แสนระวัง
นักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
ทำไมจึงชอบ? ในอดีตนั้นข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบที่จะอ่านหนังสือเลย เพราะคิดว่า "การเดินทางและการฟัง" ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเรียนรู้และจินตนาการที่ดำเนินไปในแต่ละวันของชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนความคิดใหม่ จากการที่ได้ไปอ่านเจอสุภาษิตอังกฤษสำนวนหนึ่งเขาบอกว่า "You are the same today that you'll be five years from now except for two things : The people you meet and the books you read" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า "จากวันนี้ถึงอีกห้าปีข้างหน้า คุณก็ยังคงเป็นคนเดิมอยู่ดี ยกเว้นสองสิ่งที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลง คือ คนที่คุณพบ และหนังสือที่คุณอ่าน" และนับตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ชอบที่จะอ่านหนังสือทุกๆเรื่องที่มีโอกาสได้เจอและมีเวลาที่จะได้อ่าน
สำหรับหนังสือที่ข้าพเจ้าอ่านแล้วรู้สึกประทับใจและชอบมากที่สุดเล่มหนึ่งคือ หนังสือวรรณกรรมแปลเยาวชน "โมโม่" (Momo) เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้พูดถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ "โมโม่" ที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นที่รักของทุกคนที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆกับเธอ จนชาวบ้านในหมู่บ้านที่เธอเข้าไปอยู่นั้นเวลามีปัญหาอะไร ก็มักจะพูดติดปากว่า"ไปหา โมโม่สิ" ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายหรือมีคาถาเวทย์อะไรเลย จะมีก็เพียงแต่ ทักษะการฟัง "ฟังเพื่อฟัง ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และฟังโดยไม่ตัดสิน" ซึ่งตรงจุดนี้ถือเป็นจุดที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมายขึ้นในชีวิตของโมโม่ และดำเนินไปอย่างสนุกสนานให้ข้อคิด จินตนาการและมุมมองที่ดีในหลายๆด้าน บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อในบางช่วงของชีวิต แต่ก็รู้สึกมีความสุขและรอยยิ้มขึ้นมาใหม่ในทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้คนที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือหรือไม่เคยคิดที่จะอ่านหนังสือเลย ได้ลองแวะเข้ามาเปิดดูหนังสือในงานนี้บ้าง เผื่อจะไปเจอกับหนังสือที่โดนใจ และทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปเลยก็ได้ และไม่แน่ว่าหนังสือที่คุณเจอในวันนี้ อาจจะส่งผลต่อคุณในวันพรุ่งนี้อย่างใหญ่หลวงก็เป็นได้ เหมือนกับทฤษฏีหนึ่งที่เขาบอกว่า " การขยับปีกครั้งหนึ่งของผีเสื้อ ก็อาจจะส่งผลหรือเป็นต้นเหตุให้เกิดพายุครั้งใหญ่ได้" ( Butterfly effect)
หนังสือเล่มโปรด
สี่แผ่นดิน /
ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ผู้ให้สัมภาษณ์
เอมอร ทองเป็นใหญ่
นักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ ๔ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์
นักศึกษาโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.)
ทำไมจึงชอบ? หนังสือเล่มโปรด….หรือจะเรียกว่าหนังสือที่ฝังใจของเอม คือ เรื่อง "สี่แผ่นดิน" ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นเรื่องราวของ "แม่พลอย" ตัวละครที่มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕-๘ นับรวมได้ถึงสี่แผ่นดิน เนื้อหาของหนังสือไม่เพียงเล่าถึงการดำเนินชีวิตของแม่พลอย หากได้สอดแทรกเหตุการณ์ ตำนาน ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และค่านิยมต่าง ๆ ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น วิถีชีวิตในวัง พิธีโกนจุก พระราชพิธีต่าง ๆ การแต่งกาย สงครามโลกครั้งที่ ๑ และ ๒ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยผ่านมุมมองของแม่พลอย
"จำได้ว่าตอนนั้นยังเด็ก ๆ ประมาณ ป. ๑ หรือ ป. ๒ มีละครโทรทัศน์เรื่องสี่แผ่นดินฉายอยู่ (คุณฉัตรชัยแสดงเป็นคุณเปรม และคุณจินตราแสดงเป็นแม่พลอย) และเอมก็ติดละครเรื่องนั้นมาก ด้วยความที่อยากรู้เรื่องทั้งหมดเร็ว ๆ จึงได้ไปยืมหนังสือเรื่องนั้นจากคุณปู่ แล้วเอาเงินค่าขนมไปจ้างให้พี่สาวอ่านให้ฟัง พี่เค้าก็ไม่ค่อยจะยอมอ่านให้ฟัง ประกอบกับเงินทองชักร่อยหรอเลยต้องกัดฟันอ่านเอง ตอนแรก ๆ ก็ได้ไม่กี่หน้าหรอกค่ะ แต่ก็ยังอ่านไปเรื่อย ๆ ตอนไหนเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่อ่านไม่เข้าใจก็ข้าม ๆ ไปบ้าง ในที่สุดก็อ่านจบ จำได้ว่าใช้เวลาเป็นปีเลย หลังจากนั้นก็ยังยืมคุณปู่มาอ่านด้วยซ้ำเรื่อย ๆ เป็นสิบรอบ
การอ่านตอนหลัง ๆ นี่ไม่ได้อ่านเพื่อจะรู้เรื่องแล้วค่ะ เพราะจำได้หมดทุกตอน (จนที่บ้านบอกว่าถ้าที่โรงเรียนออกข้อสอบเรื่องสี่แผ่นดิน เอมคงได้คะแนนเต็ม) แต่อ่านเพื่อสัมผัสความงามของภาษา ซึ่งผู้ประพันธ์ซึ่งเป็นนักเขียนชั้นครูได้รังสรรค์ขึ้น งานเขียนบางตอนในเรื่องสี่แผ่นดินเรียกได้ว่าเป็นอมตะ ยกตัวอย่าง เช่น ตอนที่เสด็จของพลอยกล่าวถึงเรื่องความทุกข์ของคน หรือตอนที่พลอยนึกถึงการแต่งกายของผู้ชายแบบต่าง ๆในแต่ละสมัย เมื่อเห็นอ้นลูกเลี้ยงของตนอยู่ในเครื่องแต่งกายของภิกษุเป็นครั้งแรก"
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
1. ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการแข่งขันพูด ตอบปัญหา หรือเขียนเรียงความ (หรือร้อยกรอง) ในห้อข้อต่าง ๆ โดยให้รางวัลเป็นหนังสือค่ะ อาจจัดสำหรับนักศึกษา ผู้สนใจทั่วไป หรือนักเรียน
2. มีการรับบริจาคหนังสือเก่าจากผู้มาร่วมงานเพื่อนำไปบริจาคให้ห้องสมุดที่ขาดแคลนที่ต่างจังหวัด (อาจทำในรูปหนังสือเก่าห้าเล่มแลกหนังสือใหม่หนึ่งเล่มก็ได้ค่ะ)
หนังสือเล่มโปรด
บ้านเล็กในป่าใหญ่ /
Laura Ingalls Wilder แปลโดย คุณสุคนธรส (สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน)
ผู้ให้สัมภาษณ์
ชาญ ลออวรเกียรติ
นักศึกษาปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์
นักศึกษาโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.)
ทำไมจึงชอบ? หนังสือที่ผมอ่านแล้วประทับใจมากที่สุดคือ หนังสือเรื่องบ้านเล็กในป่าใหญ่ ซึ่งแปลมาจาก เรื่อง Little in the Big Wood ของ Laura Ingalls Wilder แปลโดยคุณสุคนธรส เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชาวอเมริกันในยุคแรกเริ่มตั้งถิ่นฐาน สมัยนั้นไม่มีไฟฟ้า ทีวี ตึกสูงๆ หรือ เซเว่น มีแต่ป่า คนจะต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งพากับธรรมชาติ เช่นจากในเรื่อง ก่อนฤดูหนาวจะมาถึง พ่อของลอร่า จะต้องไปล่าหมีหรือกวาง เพื่อนำมาทำเนื้อเค็มเก็บไว้กินให้ทันฤดูหนาว ซึ่งไม่มีอะไรจะกินและปลูกอะไรไม่ได้ แต่พอหน้าร้อน พวกเขาก็จะเลิกล่าสัตว์ และหันมาปลูกผัก กินอาหารพวกพืชผักแทน ปล่อยให้ลูกสัตว์นั้นเติบโต (ต่างจากสมัยนี้ที่กินเนื้อทุกฤดูกาล) เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง คนสมัยนั้นจะต้องใช้ชีวิตร่วมไปกับธรรมชาติ ทำอย่างพอมีพอกิน หากทำเกินจึงค่อยนำสิ่งที่เกินไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่จำเป็นในตัวเมือง คนต้องมีความเกรงกลัวธรรมชาติเพราะคนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนิด ซึ่งต่างกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่มีแต่ความพยายามที่จะแบ่งแยกตัวเองออกจากธรรมชาติ พยายามแข่งขันเอาชนะ แม้แต่คนกันเองด้วยกัน
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
จัดมาแค่สองครั้งเอง ปีที่แล้ว (ครั้งที่1) ก็ถือว่าดีมาก ถ้าอย่างนั้นครั้งที่ 10 คงจะแข่งกับสัปดาห์หนังสือแห่งชาติได้สบายครับ
หนังสือเล่มโปรด
รามเกียรติ์กับจิตรกรรมฝาผนัง รอบพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม /
คุณนิดดา หงษ์วิวัฒน์ (สำนักพิมพ์แสงแดดเพื่อนเด็ก)
ผู้ให้สัมภาษณ์
ผศ.ดร. ยุทธนา ตันติรุ่งโรจน์ชัย
อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ / เจ้าของรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2548
จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในพระบรมราชูปถัมภ์
ทำไมจึงชอบ? เป็นหนังสือเล่มล่าสุดที่อ่านจบเล่มแล้วกลับมาอ่านใหม่อีกหลายรอบ มีความสวยงามของรูปภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ตลอดจนการเล่าเรื่องราวรามเกียรติ์ประกอบภาพที่ลงตัว อ่านง่ายสนุกมีการผสมผสานทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองอย่างเหมาะสม พออ่านแล้วทำให้เข้าใจภาพได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พอเห็นภาพก็รู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจในความสามารถของศิลปินไทยในยุครัตนโกสินทร์
ผมเชื่อว่าผู้เขียนคือคุณนิดดาคงได้ทำการศึกษาวิจัยภาพเขียนและเรื่องราวรามเกียรติ์อย่างทุ่มเท ซึ่งคงเกิดจากความรักความสนใจจริงๆ จึงได้ผลลัพธ์เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าน่าอ่านมากเล่มนี้ อยากแนะนำให้ได้ลองอ่านกันครับ
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้มีหนังสือหลากหลายรูปแบบ มากไปกว่าการเป็นเพียงตลาดนัดขายหนังสือวิชาการภาษาต่างประเทศ
หนังสือเล่มโปรด
Daddy-Long-Leg
/ Jean Webster
ผู้ให้สัมภาษณ์
รศ.ดร. ศรีสุดา วรามิตร
รองคณบดีฝ่ายการคลัง / อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์
ทำไมจึงชอบ? หนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องในลักษณะจดหมาย เขียนโดยเด็กสาวที่อยู่บ้านเด็กกำพร้าชื่อ Judy ถึงคนที่รับอุปการะแต่ไม่เคยพบกันเลย Judy ได้เห็นแต่เงารูปร่างขายาวของคุณพ่ออุปถัมภ์เท่านั้น จึงเรียก Daddy long legs ในจดหมายมีรูปวาดลายเส้นของ Judy ด้วย น่ารักมาก
ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกจากห้องสมุดประชาชน ที่ Lund, Sweden เป็นครั้งแรกที่ไปอยู่ต่างประเทศ ไม่เคยต้องรับผิดชอบกับตัวเอง และเหงามาก เลยอยากได้หนังสืออ่านที่ไม่ทำให้เครียดเพิ่มขึ้น
เล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่าย น่ารักทั้งเนื้อเรื่องและรูปประกอบ ตอนหลังซื้อมาเป็นของตัวเอง ได้อ่านอีกหลายครั้ง และให้ใครๆยืมอ่าน จนมันหลงไปอยู่ที่ไหนแล้วหาไม่พบอีกเลย แต่ก็ยังอยากอ่านอีก
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้มีนักอ่านหลายๆ คน มาแนะนำหนังสือ ในลักษณะ book discussion และสำหรับหนังสือที่จะนำมาคุยกัน อยากให้มีหลายประเภท
หนังสือเล่มโปรด
มังกรคู่สู้สิบทิศ / เขียนโดย หวงอี้ แปลโดย น.นพรัตน์
ผู้ให้สัมภาษณ์
รศ.ดร. นภดล ไชยคำ
รองอธิการบดีฝ่ายวิทยาเขต มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? ผมเคยมีหนังสือเล่มโปรดมาหลายเล่มแล้ว ณ เวลานี้หนังสือเล่ม (ชุด) ที่โปรดจริง ๆ คือหนังสือกำลังภายในเรื่อง มังกรคู่สู้สิบทิศ ผู้เขียนชื่อ หวงอี้ แปลโดย น.นพรัตน์
ผมเริ่มอ่านหนังสือกำลังภายในมาประมาณ 40 ปีแล้ว เปลี่ยนความชอบไปเรื่อย ๆ อ่านของโก้วเล้งได้ไม่นานก็เบื่อสำนวน อ่านของกิมย้งก็ชอบมาก แต่รู้สึกว่ามีตัวละครเยอะ ซับซ้อนไปหน่อย มา 2-3 ปีหลังนี้ได้อ่านเรื่องของหวงอี้แล้วติดทันทีเลย (ความจริงคงจะเพราะชอบสำนวนแปลด้วยนะ) หวงอี้จินตนาการตัวละครใส่ลงในประวัติศาสตร์ของจีนได้อย่างสวยงามโดยไม่บิดเบือนประวัติศาสตร์ บรรยายสถานที่ได้งดงาม บรรยายการต่อสู้ได้สมจริง และบรรยายบทรักได้อย่างเพริศแพร้ว หลักปรัชญาที่ใช้ก็ลึกซึ้ง ความจริงก่อนเรื่องมังกรคู่สู้สิบทิศ ผมก็ได้อ่าน เจาะเวลาหาจิ๋นซีของหวงอี้เหมือนกัน นึกว่าเป็นสุดยอดนิยายกำลังภายในแล้ว ปรากฏว่ามังกรคู่สู้สิบทิศสนุกกว่า (เล็กน้อย) ตอนนี้กำลังติดตามอ่านเรื่องใหม่ของหวงอี้อยู่ครับ
อ่านหนังสือของหวงอี้แล้วทำให้ผมหาหนังสือที่ถูกใจอ่านได้ยากขึ้นเยอะ ก่อนหน้านี้ก็อ่านนิยายภาษาอังกฤษแต่ก็ไม่ติด นักเขียนไทยที่ถูกใจ (ขณะนี้) ยังไม่มีเลย (แต่เมื่อก่อนมีหลายคน)
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ผมใช้เวลาคิดข้อเสนอแนะอยู่ทั้งคืน เพราะคนอื่นที่มาก่อนเขาเสนออะไร ๆ กันไปหมดแล้ว คิดว่างานหนังสือของเราน่าจะเป็นที่สนใจของหน่วยงานและสถานศึกษาที่อยู่ใกล้ ๆ เช่น กรมทางฯ กระทรวงต่างประเทศ โรงเรียนสามเสน โรงเรียนจิตรลดา คณะอื่น ๆ ในบริเวณวิทยาเขตพญาไท (ทันตฯ เภสัชฯ เป็นต้น) รวมทั้งสถาบันสมทบที่อยู่ไม่ไกลนัก เช่น วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า ถ้าขยายการประชาสัมพันธ์ออกไปอีกหน่อยคิดว่าจะมีประโยชน์ครับ
หนังสือเล่มโปรด
Blink: The Power of Thinking without Thinking
/ Malcolm Gladwell
ผู้ให้สัมภาษณ์
ดร. ภิญโญ พานิชพันธ์
ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? เป็นหนังสือเกี่ยวกับการตัดสินใจหรือการพิพากษาเพียงเสี้ยววินาที โดยอาศัยประสบการณ์และการมองเฉือนปัญหาอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ได้ผลดี บางครั้งก็ด่วนไปหน่อย ปัจจุบันผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ การจัดการ และเรื่องเกี่ยวกับคนและสังคม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่ชอบที่สุด ที่จริงแล้วชอบอ่านนวนิยาย classics ภาษาอังกฤษ ที่มองสังคมอย่างลึกซึ้งและใช้ภาษาที่ไพเราะ ส่วนที่เป็นภาษาฝรั่งเศสมักเป็นเรื่องสั้น แต่ก็ยังชอบ classics ต้นตอ หรือ classics ที่ แปลมาจากภาษาอื่น
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ในเมื่อปัจจุบันมีหนังสือแปลมากขึ้น จึงอยากให้มีหนังสือที่แปลได้ดีๆ จากต้นฉบับที่มีความลึกซึ้ง แต่ขณะเดียวกัน น่าจะมีหนังสือภาษาอังกฤษต้นฉบับที่ดีมาจำหน่ายมากขึ้น อยากให้มีหนังสือหลากหลาย เช่น เกี่ยวกับการจัดการ การปรับปรุงตนเอง และความสร้างสรรค์
หนังสือเล่มโปรด
7 เดือนบรรลุธรรม
/ ดังตฤณ
ผู้ให้สัมภาษณ์
รศ. ดร. มธุรส พงษ์ลิขิตมงคล
อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ / เจ้าของรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาความเป็นครู ประจำปีการศึกษา 2547
ทำไมจึงชอบ? หนังสือเล่มนี้ตั้งชื่อเรื่องได้น่าสนใจ ว่าเหตุใดการศึกษาธรรมจึงใช้เวลาเพียง 7 เดือนก็บรรลุธรรมได้ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาศึกษาวิจัยนานเป็นสิบปี บางคนใช้เวลาชั่วชีวิตก็ยังไม่ได้คำตอบ เมื่อลองอ่านดู ก็รู้สึกว่าเขียนได้ดีมาก ทำให้รู้ว่าการศึกษาธรรมนั้น เวลาไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่จิตมนุษย์มีความมหัศจรรย์กว่าที่คิดและน่าศึกษามาก จึงอยากแนะนำให้นักวิทยาศาสตร์ลองอ่านดู
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้จัดปีละ 2 ครั้ง และมีราคาพิเศษที่ถูกกว่าท้องตลาด เพื่อดึงดูดนักอ่านให้มุ่งตรงมาที่มหิดลบุ๊คแฟร์ รวมทั้งน่าจะมีมุมแลกเปลี่ยนหนังสือเก่า
หนังสือเล่มโปรด
อุปลมณี / พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

ผู้ให้สัมภาษณ์
น.สพ. เกรียงไกร ประการแก้ว
อาจารย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ทำไมจึงชอบ? เพราะ หนังสือเล่มนี้ไม่มีตอนจบ ครับ
อยากให้มีใครสักคนแปลหนังสือเล่มนี้เป็นหลายภาษาที่ผู้คนหลายๆชาติจะได้มีโอกาสสัมผัสแนวทางปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สุขของบุคคลทุกระดับชั้น ไม่ว่าท่านจะเป็นนักบริหาร นักปกครอง นักวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และแพทย์ทุกสาขา หนังสือเล่มนี้มีคำตอบรอท่านอยู่เสมอในทุกคำถามที่เกี่ยวข้องกับความเป็นคน เพราะหนังสือเล่มนี้กล่าวถึง (แฝงด้วย) How to ของการบริหารและปกครองล้วนๆ โดยเริ่มจากบริหารตนเอง แล้วค่อยๆ แผ่ออกไปยังสิ่งแวดล้อมและคนข้างเคียง กระทั่งแผ่ออกไปยังผู้คนในอีกซีกโลกหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ เรื่องราวเหล่านี้ร้อยเรียงจากชีวประวัติเด็กชายลูกอีสาน ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี แล้วทิ้งท้ายด้วยภาพของหลวงปู่ชาที่ (รับรองว่า) ประทับในความทรงจำของผู้อ่าน (ทุกคน) ไม่รู้ลืม นั่นหมายความว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีตอนจบครับ แม้จะอ่านถึงหน้าสุดท้าย ท่านก็อยากกลับไปเริ่มเปิดหน้าแรกอีกแม้จะมีความหนา ถึง 548 หน้า ก็ตาม
…."หลวงพ่อสอนฝรั่งอย่างไร ในเมื่อท่านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และลูกศิษย์ฝรั่งเองก็ไม่คุ้นกับภาษาไทย" คำตอบของหลวงปู่ชามีว่า "น้ำร้อนก็มี น้ำฮ้อนก็มี ฮอทวอเตอร์ก็มี มันเป็นแต่ชื่อภายนอก ถ้าเอามือจุ่มลงไปก็ไม่ต้องใช้ภาษาหรอก คนชาติไหนก็รู้ได้เอง" หรือบางทีก็ถามกลับว่า "ที่บ้านโยมมีสัตว์เลี้ยงไหม อย่างหมาแมว หรือวัวควายอย่างนี้ เวลาพูดกับมัน โยมต้องรู้ภาษามันด้วยหรือเปล่า ?"
แต่ก็เสียดายนะที่มรดกธรรม เล่มที่1 ของหลวงปู่นี้หาอ่านไม่ได้ง่ายนัก เพราะไม่ได้มีวางจำหน่ายทั่วไป ผมไปพบเล่มนี้ที่วัดหนองป่าพง อุบลฯ ทราบมาว่าในกรุงเทพมีที่ ศูนย์เผยแผ่มรดกธรรมพระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) ใครที่สนใจลองติดต่อดูนะครับ
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ติดตามบุ๊คแฟร์มาตั้งแต่ครั้งแรก ประทับใจมาก เป็นงานที่สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อชาวมหิดล พญาไท และประชาชนที่สนใจ ใจจดจ่ออยากให้วันงานมาถึงไวๆ ทราบว่าปีนี้มีการเชิญผู้รู้มาบรรยายในหลายสาขา ที่คิดว่าตัวเองไม่น่าพลาดคือ เสาร์ที่ 11 ก.พ. เรื่อง "Scientists Must Write" อยากพบตัวจริงของนักเขียนปรมาจารย์ด้านภาษาท่านนี้ครับ
หนังสือเล่มโปรด
เพชรพระอุมา / พนมเทียน
ผู้ให้สัมภาษณ์
สพ.ญ.รวงรัตน์ พุทธิรงควัตร
อาจารย์คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
นักศึกษาปริญญาเอก คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล,
คอลัมนิสต์"สื่อรักแมวเหมียว" นิตยสารสื่อรักสัตว์เลี้ยง
ทำไมจึงชอบ? เพชรพระอุมา ที่อ่านแล้ววางไม่ลงกับการผจญภัยในป่าสารพัด กับขุมทรัพย์อุมาเทวี ที่ติดใจก็หลายๆ เรื่อง ที่มากๆก็เห็นจะเป็นความกลมเกลียวช่วยเหลือของทุกคน ความรักและไม่กินเส้นของจอมพรานรพินทร์และแงซายผู้ลึกลับ อ่านแล้วมีอันต้องให้ขวนขวายหาทางไปป่า และรักป่าขึ้นอีกเป็นกอง ขอให้ป่าอยู่คู่เมืองไทยไปตลอดกาล ให้คนไทยมีสำนึกรักป่าและช่วยกันอนุรักษ์ต่อไปค่ะ
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
ส่วนงานสัปดาห์หนังสือที่มหิดล พญาไท ชอบมากรอคอยอยู่แล้ว แค่ได้เดินดูก็มีความสุขแล้ว แล้วยังได้เพิ่มพูนความรู้จากท่านวิทยากรทั้งหลาย อ้อ แล้วก็ได้เจอนักเขียนในดวงใจด้วย สนุกแน่ๆ ว่าแต่ว่าปีละครั้งน้อยไปไหมเนี่ย
หนังสือเล่มโปรด
หมอฮา / ยิ้มก่อนเห่า / ยิ้มสี่ขา
/ แต่งโดย เจมส์ เฮอร์เรียต แปลโดยคุณปาริฉัตร เสมอแข (สำนักพิมพ์ผีเสื้อ)
ผู้ให้สัมภาษณ์
คัทรินทร์ ธีระวิทย์
นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เจ้าของรางวัล Outstanding TGIST Student Award ของ สวทช. ปี พ.ศ. 2547
นักเรียนทุนศรีตรังทอง, ทุนTGIST และทุน Woman for Engineering and Science (WES) จาก National Research Council ประเทศแคนาดา
ทำไมจึงชอบ? จริงๆ แล้ว ที่บ้านได้ปลูกฝังเรื่องการอ่านมาให้ตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่ ป. 2 - ป.3 ค่ะ โดยจะให้เราอ่านหนังสือที่เป็นวรรณกรรมเยาวชน ตอนเด็กๆ ยังไม่มีสตางค์ซื้อก็จะไปขอยืมคุณป้าที่เป็นครูสอนภาษาไทยอ่าน โดยที่ยืมมาหนึ่งเล่มก็ผลัดกันอ่านในหมู่พี่น้อง 5 คน จนครบ นำไปคืน แล้วก็ยืมเล่มใหม่มา ... พอโตขึ้นมาหน่อยพี่ๆ น้องๆ เริ่มมีเงินเก็บ ก็จะผลัดกันซื้อ ผลัดกันอ่าน โดยเฉพาะเรื่องราวที่เป็นหนังสือชุด มีหลายชุดที่อ่านแล้วชอบใจ เช่น ชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ ชุดห้าสหายผจญภัย ชุดสี่สหายผจญภัย ชุดเชอร์ล้อคโฮมส์ เป็นต้น
แต่ว่าที่ประทับใจที่สุด อ่านแล้วอ่านอีกหลายรอบ และเหมือนว่าตอนอ่านนั้นเราได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจริงๆ ก็จะเป็นเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นหนังสือชุดก็ตาม แต่ว่าถ้าได้อ่านเล่มใดเล่มหนึ่งก็จะทำให้อยากอ่านเล่มอื่นๆ ไปด้วย เนื้อหาในหนังสือ จะเป็นตอนๆ ที่เล่าเรื่องราว ชีวิตสัตวแพทย์ชื่อ เจมส์ เฮอร์เลียต (ก็ผู้แต่งนั่นแหละค่ะ) ทำงานอยู่ในชนบทของประเทศอังกฤษ อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า สัตว์ทุกตัวในโลกมีความน่ารักอย่างจำเพาะของแต่ละตัว แต่ละประเภทไป เขามีนิสัยที่เฉพาะตัวจริงๆ .. ความสนุกก็อยู่ตรงความน่ารักของสัตว์เหล่านี้แหละค่ะ นอกจากนี้ทำให้เราได้รู้จักความอดทน และเป็นคนที่คิดในแง่ดีมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าคุณหมอต้องไปตรวจตามคอกปศุสัตว์ที่หนาว และลำบากมาก (ก็เป็นเรื่องจริงของคนที่มีอาชีพสัตวแพทย์นี่คะ) เขาก็มีความอดทน อยากให้สัตว์เหล่านี้หาย เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก ก็สามารถมองเห็นความยากลำบากและปัญหาเป็นเรื่องสนุกได้ และเก็่บมาเล่าให้คนอ่านฟัง
ชอบหนังสือเหล่านี้มากจนพยายามหาซื้อฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษ (อ่านง่ายดีค่ะ) แต่มันแพงมากๆ ค่ะ แล้วตอนนั้นก็มีเงินไม่พอด้วย เลยอดซื้อ (ว้า...) แต่ว่าถ้าคราวหน้าเจออีก จะต้องซื้อให้ได้ค่ะ เพราะประทับใจเหลือเกิน
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้มีการประชาสัมพันธ์ให้นักศึกษาที่อยู่สถาบันอื่นๆ หรือบุคคลทั่วๆไปมาร่วมงานด้วย (เท่าที่ทราบ เพื่อนๆ ต่างสถาบันบอกว่าไม่เห็นได้รับข่าวสารเลย) เพราะว่าไม่อยากให้นักศึกษามหิดลเท่านั้นที่มีโอกาสดีๆ อย่างนี้ อยากแบ่งปันโอกาสนี้ไปให้คนอื่นด้วย และจะได้มีคนหลายประเภทมาอุดหนุนคนขายหนังสือมากมาย ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาเท่านั้นไงคะ
หนังสือเล่มโปรด
แรงดลใจ - มุมมองโลกและชีวิตจากภาพถ่ายและการเดินทาง /
ธีรภาพ โลหิตกุล
ผู้ให้สัมภาษณ์
ร.ต. คมสัน จ้อยลี ร.น.
นายทหารเรือ / นักเขียนสารคดีและช่างภาพสมัครเล่น / เคยเป็น วิทยากรรับเชิญของคณะวิทยาศาสตร์ มหิดล
ทำไมจึงชอบ? " …เพราะแท้ที่จริงแล้ว การถ่ายภาพเป็นเรื่อง ใจ กับ สมาธิ ยากเหลือเกินที่ใครสักคนหนึ่งซึ่งกำลังวุ่นวาย วอกแวก สับสน ซีเรียส แล้วจะนึกอยากจับกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ... "
ด้วยประโยคสั้นๆเพียงเท่านี้ หนังสือชุด " แรงดลใจ " ของ ธีรภาพ โลหิตกุล ก็มาอยู่ในมือของผม เป็น ของขวัญปีใหม่ชิ้นพิเศษให้กับตัวเอง
ผมเองรักการถ่ายภาพและมีงานเขียนเป็นงานอดิเรก ดังนั้นหนังสือที่ผมจะซื้อมาอ่านก็มักจะเป็นหนังสือแนวสารคดีเชิงท่องเที่ยวและการเดินทางเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหนังสือเหล่านี้ล้วนเป็น " แรงดลใจ " และช่วยเติมไฟให้ผมมีความพยายามสร้างสรรค์งานที่ดีอยู่ตลอดเวลา
ชื่อของ "ธีรภาพ โลหิตกุล" เป็นที่รู้จักกันดีในวงการสารคดีของเมืองไทย ด้วยท่านผู้นี้มีผลงานคุณภาพกับหลายๆองค์กรเช่น นิตยสาร ไฮ-คลาส,อนุสาร อสท.,บทสารคดีในรายการ โลกสลับสี,ผลงานสารคดีชุด " แม่น้ำเจ้าพระยา " หรือแม้แต่หนังสือเรื่อง " สีสันบนรอยทาง " ซึ่งเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักศึกษาชั้นปีที่1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2534 ก็เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
" แรงดลใจ " คือหนังสือที่ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่า " มุมมอง " ได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งมุมมองของภาพถ่าย และมุมมองของชีวิต..."
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
" ผมอยากให้งาน " บุคแฟร์ " ไม่เป็นเพียงงาน " ขายหนังสือ " เพราะถ้าเราจะหาซื้อหนังสือดีๆสักเล่ม เราคงไม่ต้องรอซื้อในงานซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น อยากให้งานมีความหลากหลายและครอบคลุมทุกทุกสาขา จัดงานให้มีบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง ไม่ใช่ตั้งใจขายหนังสือเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะมีวิทยากรพิเศษมาบรรยายในแต่ละสาขาที่กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเนื้อหาทางวิชาการเสมอไป สิ่งเหล่านี้ผมมั่นใจว่าจะให้งานเต็มไปด้วยความอบอุ่น และเป็นที่ตั้งตารอของคนทั่วไป "
หนังสือเล่มโปรด
ข้าพเจ้าทดลองความจริง .. อัตชีวประวัติของมหาตมา คานธี
(The Story of My Experiments with truth) /
มหาตมา คานธี เขียน กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย แปลเป็นภาษาไทย
(สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง)
ผู้ให้สัมภาษณ์
อภิชัย อารยะเจริญชัย
บรรณารักษ์ ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข
ทำไมจึงชอบ? ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนอยู่ปีหนึ่ง หลังจากพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับ มหาตมาคานธี อยู่หลายเล่ม เท่าที่ได้อ่านมา เล่มนี้สมบูรณ์ที่สุด ตอนนั้นกำลังศึกษาวิชาโบราณคดี ศิลปะอินเดีย กำลังคลั่งไคล้ศิลปะอินเดียอยู่พอดี ประกอบกับความประทับใจภาพยนตร์เรื่อง "คานธี" ผลงานการกำกับของ เซอร์ ริชาร์ด เอทเทนเบอเรอห์ ในปี 1982 มีรางวัลออสการ์การันตีคุณภาพ ฉากเด็ดคือฉากที่ชาวอินเดียนับแสนๆ มาคอยต้อนรับการกลับมาของมหาบุรุษคานธี รวมถึงฉากสังหารหมู่ชาวอินเดียที่มาชุมนุมกันเพื่อประท้วงรัฐบาลอังกฤษ
เนื้อหาภายในเล่มมิใช่เพียงเสนอชีวประวัติของท่านเท่านั้น แต่ยังบรรจุแนวคิด วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ของชาวอินเดีย สิ่งท่านเน้นเป็นที่สุดคือความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า ความศรัทธา และการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามคำสั่งสอนโดยมิให้ออกนอกลู่แม้นเพียงกระผีกเดียว ในวัยหนุ่ม ท่านได้ลองปฏิบัติตนตามแนวทางที่ท่านเรียกว่า "การปฏิรูป" อย่างหนึ่งคือการรับประทานเนื้อสัตว์ (ครอบครัวของท่านไม่รับประทานเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต) ท่านยอมรับว่าหลงเพลินไปกับรสชาติอยู่เกือบปี โดยไม่ได้บอกให้คนในครอบครัวรู้เลย ซึ่งนั่นคือบาปในใจที่ท่านยังคงรู้สึกผิดตลอดจนชั่วชีวิต
ท่านคานธี เป็นผู้ที่เคร่งครัดในข้อปฏิบัติของฮินดูชนอย่างมาก ท่านเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดโต่ง ซึ่งนั่นทำให้ข้าพเจ้าแคลงใจเป็นหนักหนาว่า อะไรหนอที่ทำให้ท่านเชื่อในสิ่งนั้นจนชั่วชีวิต บางทีคำตอบอาจจะต้องหาด้วยวิธีการเดียวกับท่าน นั่นคือการทดลอง เพื่อแสวงหาความจริง
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
อยากให้คนมางานกันเยอะๆ มาดู ๆ ดมๆ ก็ยังดี
หนังสือเยอะแยะ มันต้องมีซักเล่มแหละน่า ที่ตรงใจ
หนังสือเล่มโปรด
โกะ อัจฉริยะเกม แห่งพิภพ
/ วันชัย ประชาเรืองวิทย์ (บริษัท สำนักพิมพ์ต้นไม้ จำกัด)
ผู้ให้สัมภาษณ์
ด.ญ. รุจรวี อัศวิษณุ
นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2 โรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์
(ลูกหลานชาวมหิดล)
ทำไมจึงชอบ? หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่คุณแม่ซื้อให้จากร้านหนังสือธรรมดาๆ แต่จากหนังสือธรรมดาๆ เล่มนี้ ทำให้หนูสนใจในหมากล้อมหรือโกะนี้จนสามารถสอนเพื่อนๆที่สนใจจะเล่นได้ และถูกเสนอชื่อไปแข่ง TU BoardGame 2005 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทำให้ได้พบกับเพื่อนใหม่หลายๆคน และคู่แข่งฝีมือดี นับเป็นความภูมิใจที่สุดอย่างหนึ่งของหนู
สำหรับโกะนี้เป็นเกมกระดานที่ถือกำเนิดในประเทศจีนเมื่อกว่า 4000 ปีมาแล้ว เป็น 1 ใน 4 ศิลปะประจำชาติของจีนที่ในอดีตคนระดับสูงนิยมเล่นกัน ใช้หลักการวางแผน การใช้ทรัพยากรที่มีให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด การให้โอกาส การแบ่งปัน การสร้างสมดุล "ผมกล้าพูดว่าปรัชญาชีวิตและพิชัยยุทธในการทำสงครามทุกข้อสามารถค้นพบได้ในเกมโกะนี้" นี่คือคำพูดในบทคำนำจากผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ นอกจากนี้ภายในหนังสือเล่มนี้ยังมี "สุภาษิตโกะ" ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงนอกกระดานโกะได้ ความจริงแล้ว เชื่อว่าเด็กหลายๆคนในวัยเดียวกันกับหนู แม้แต่ชื่อโกะก็คงไม่เคยได้ยินหรือไม่สนใจ หนูเองก็เช่นกัน แต่เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว กลับทำให้กระตือรือร้นที่จะลองไปแข่งกับคนอื่นในอินเตอร์เน็ท
แม้จะเป็นเพียงหนังสือธรรมดาๆที่ถูกวางขายในร้านหนังสือข้างภัตตาคาร S&P แต่ก็ทำให้หนูสามารถพบกับอะไรใหม่ๆได้มากมาย ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มโปรด และต่อให้หนังสือเล่มนี้เก่ายังไง หนูก็ไม่ยอมทิ้งแน่นอนค่ะ !
ข้อเสนอแนะที่มีต่องาน
มหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์
"ขอให้หนังสือแม้ซักเล่มในงานจุดประกายความคิดใหม่ๆให้คุณนะคะ .. ขอพลังแห่งจินตนาการจงอยู่กับคุณค่ะ"

https://stang.sc.mahidol.ac.th/bookfair49/
งานมหกรรมหนังสือ "มหิดล-พญาไทบุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 2" ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ปรับปรุงครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2548