http://stang.sc.mahidol.ac.th
 
Misery : ผู้หญิงยิ่งร้าย เมื่อนิยายกลายเป็นหนัง *
โดย ประชา สุวีรานนท์
 
อมตะนิยายเรื่อง "อาหรับราตรี" หรือ "พันหนึ่งทิวา" เป็นเรื่อง
ของนักเล่านิทานที่เล่าได้สนุกถูกใจคนฟัง จนถูกจับไปขังและถูก
บังคับให้เล่าเรื่องให้ถูกใจคนฟังมากยิ่งขั้น มิฉะนั้นแล้วจะมีโทษ
ถึงประหาร

ว่ากันว่านิยายเรื่องนี้เป็นที่ติดใจของนักเขียนจำนวนมาก เพราะ
ว่ามันเป็นเรื่องของนักเขียนที่ "ติดกับ" เพราะคนอ่านนิยมชมชอบ
มากเกินไปนั่นเอง

นิยายเบสท์ เซลเลอร์เรื่อง Misery ของนักเขียนยอดนิยม
สตีเฟ่น คิง ก็ดูเหมือนจะเริ่มจากจุดเดียวกัน แต่เมื่อถูกนำมา
สร้างเป็นหนัง Misery กำกับโดย ร็อบ ไรเนอร์ (ผู้เคยดัดแปลง
เรื่องของคิงจนจำแทบไม่ได้มาแล้วใน Stan by Me) กลายเป็นเรื่องที่ผนวกเอาความขัดแย้งระหว่างเพศชายและหญิงเข้าไปอีกมาก ส่วน วิลเลียม โกลด์แมน ผู้เขียนบท (มือรางวัลออสการ์จาก Butch Cassidy and Sundance Kid และ All the President' Men) ก็ดูเหมือนจะดัดแปลงให้กลายเป็นเรื่องของ
ความเกลียดและกลัวผู้หญิงของพระเอกนักเขียนไปเลยทีเดียว

เจมส์ คาน แสดงเป็นนักเขียนคนนั้น เขาคือ พอล เชลดอน นักเขียนนิยายผู้หวังจะทำงานคุณภาพ แต่กลับมีชื่อเสียงขึ้นเพราะการเขียนนิยายโรมานซ์ (หรือที่เรียกว่า 'นิยายน้ำเน่า') เกี่ยวกับสาวน้อยแสนอาภัพในศตวรรษที่ 19 ผู้มีนามว่า มิสเซอรี่ แชสเทน มิสเซอรี่ กลายเป็นหนังสือขายดี กลายเป็นนิยายชุดยาวเหยียดซึ่งพอลต้องอดทนเขียนติดต่อกันมาอีกนานหลายปี

พอลตัดสินใจผูกเรื่องให้มิสเซอรี่ตายลง และลงมือเขียนนิยายซีเรียสที่เขาตั้งใจจนสำเร็จ แจาขณะที่ขับรถนำต้นฉบับไปส่งนั้น เขาเจอกับพายุหิมะและหักรถปักลงเหวไปเสียก่อน คนที่มาช่วยชีวิตของเขาไว้ได้เป็นนางพยาบาลสาวร่างใหญ่ชื่อ แอนนี่ ซึ่งประกาศแก่เขาในภายหลังว่า เธอเป็นแฟนอันดับหนึ่งของมิสเซอรี่มาตลอด พอลบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุ แอนนี่จึงพาเขาเข้าไปรักษาตัวในบ้านของเธอที่ตั้งอยู่กลางป่าเปลี่ยว

ระหว่างที่พอลกำลังพักฟื้นนั่นเอง แอนนี่รู้แล้วว่านางเอกมิสเซอรี่ถึงแก่ความตายแล้วในนิยายเล่มล่าสุด ความรักก็กลายเป็นความแค้นอย่างฉับพลัน แอนนี่เห็นพอลเป็นฆาตกร และออกคำสั่งให้นำมิสเซอรี่กลับมาให้ได้

หลังจากที่ถูกขู่เข็ญบังคับและทำทารุณกรรมด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งเผาต้นฉบับหนังสือใหม่ของเขาด้่วย พอลก็ยอมลงมือเขียนให้มิสเซอรี่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในนิยายเล่มใหม่ เพื่อถ่วงเวลาให้เขาหายดีและหาทางหนีออกไปจากที่นั่นให้ได้ ซึ่งในท้ายที่สุดเขาก็ต้องทำการฆาตกรรมเข้าจริงๆ กว่าจะหนีรอดออกมาได้

ในนิยายนั้น สตีเฟ่น คิง คงไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างเพศอย่างชัดเจนเท่าในหนัง ความเกลียดและกลัวผู้หญิงมีอยู่ในนิยาย แต่ตามท้องเรื่องแล้ว แอนนี่ไม่ได้มีความเกลียดชังพอลเป็นการเฉพาะ เธอเพียงแต่ยอมรับการตายของลูกผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ และความผิดของพอลนั้นก็คือได้ไปฆ่าผู้หญิงคนนั้น สิ่งที่นิยายเน้นมากกว่าคือปัญหาของนักเขียนหรือนักเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นทั้งโครงเรื่องและหัวข้อที่นักเขียนนิยายอย่างคิงย่อมสนใจมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว ในนิยายนั้น สิ่งที่พอลต่อสู้อยู่คือความไม่มั่นใจและความลังเลของตนเอง ถูกรวมไว้ในตัวของแอนนี่ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นคนที่ปลุกความคิดสร้างสรรค์ของเขาขึ้นมาใหม่

ทั้งในหนังสือและหนัง ก่อนที่การข่มขู่พิฆาตกันจะเริ่มขึ้น แอนนี่ก็เป็นแรงบันดาลใจของพอลจริงๆ เธอเป็นตัวแทนของผู้หญิงหลายต่อหลายคนที่นักเขียน (โดยเฉพาะฝ่ายชาย) มักจอมอบคำอุทิศให้ หรือไม่ก็เขียนขอบอกขอบใจที่พิมพ์ต้นฉบับให้ แต่ในหนังสือนั้นเธอจะมีด้านที่ไม่ได้ส่อความน่ากลัวและการคุกคามเท่าในหนัง

ดังนั้น แม้ในช่วงสุดท้ายของหนัง พอลจะพูดขึ้นหลังจากหนีรอดเงื้อมมือแอนนี่มาได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นช่วยเขาไว้ ก็อาจจะตีความไปในทางลบได้อีกก็ได้ว่า 'เรื่องที่เกิดขึ้น' คือการได้มีโอกาสฆ่าเธอ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะบทบาทการแสดงของ เจมส์ คาน ซึ่งพกเอาบุคลิกห้าวหาญมาจากหนังหลายเรื่องก็ได้

แต่ส่วนที่สำคัญกว่าที่ทำให้หนังต่างไปจากหนังสือ ก็คือ บทหนัง วิลเลียม โกลด์แมน ผู้เขียนบท ทำให้หนังกลายเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างชายกับหญิงมากขึ้นก็ตรงที่เปลี่ยนบุคลิกของพอลให้ดูเป็นที่มีความหวังในชีวิตมากขึ้น ในหนัง พอลเลิกเหล้าได้แล้ว เลิกบุหรี่ได้แล้ว และนิยายคุณภาพ (ที่ไม่ใช่มิสเซอรี่) ก็ดูจะเป็นนิยายที่ดี เขาไม่ได้เป็นคนที่กำลังตกต่ำทั้งในทางชีวิตส่วนตัวและการงานเหมือนอย่างในหนังสือเลย ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนี่จึงไม่คลุมเครือเท่าในหนังสือ

ยิ่งกว่านั้น โลกของพอลในหนังยังแวดล้อมไปด้วยผู้หญิง เอเย่นต์หรือนายหน้าขายต้นฉบับของเขาซึ่งในนิยายเป็นผู้ชาย ถูกเปลี่ยนเป็นบทของ ลอเรน เบคอล ผู้หญิงคนนี้จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้พอลเลิกเขียนมิสเซอรี่ และยังพูดเตือนความจำถึงเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเริ่มเขียนเรื่องนี้เมื่อครั้งกระโน้นว่า เพื่อหาเงินค่าเลี้ยงดูให้แก่เมียเก่าซึ่งหย่ากันไป รวมทั้งหาเงินมาจ่ายค่าหมอฟันให้ลูกสาวด้วย

พอลจึงกลายเป็นผู้ชายที่ถูกผู้หญิงทรยศ ไม่ใช่เพราะตนเองขาดความหนักแน่น แต่เป็นเพราะความต้องการอันไม่จบสิ้นของผู้หญิง นายหนัา เมีย ลูกสาว และก็น่าจะรวมทั้งมิสเซอรี่ สาวน้อยแสนอาภัพผู้ฉุดคร่าเอาเวลาและความสามารถของเขาไป และตัวแฟนๆ นักอ่านนับล้านๆ ซึ่งก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น

แอนนี่กลายเป็นที่รวมของความรู้สึกถูกทรยศหักหลัง โดยเฉพาะ
เมื่อเธอกลายสภาพจากนางฟ้าผู้ช่วยชีวิตไปเป็นปีศาจร้ายในสาย
ตาของพอล

ดูเหมือนว่าผู้กำกับ ร็อบ ไรเนอร์ จะไม่ยอมปล่อยให่เราคิดว่า
แอนนี่จะเป็นอะไรอื่นไปได้นอกเสียจากผู้หญิงที่อ้วน เชยและบ้า
ที่ร้ายกว่านั้น ทั้งฝีมือของเขาและฝีมือการแสดงของ เคธี่ เบทส์
ในบทแอนนี่ ก็ยังช่วยตอกย้ำความเชื่อเดิมๆ ที่ว่า ถ้าขาดความเป็นผู้หญิงแล้วเธอก็ดูจะขาดความเป็นคนไปเลย

นี่อาจจะเป็นความพยายามอันยิ่งยวดที่ให้ความชอบธรรมแก่
พฤติกรรมที่พอลจะทำกับแอนนี่ในตอนท้าย ไม่ว่าจะเป็นการ
ทุบหัวด้วยเครื่องพิมพืดีด การพยายามจะควักลูกนัยน์ตา การพยายามยัดต้นฉบับมิสเซอรี่ตอนใหม่เข้าปากเธอ และที่สุดก็คือทุบเสียด้วยหมูหินตัวโปรดของเธอเอง

นอกจากที่ วิลเลี่ยม โกลด์แมน พยายามบอกว่าทั้งความรู้สึกทางเพศและความรุนแรงของแอนนี่เป็นเรื่องคุกคามผู้ชายพอๆ กันแล้ว เขายังเพิ่มเติมส่วนที่ทำให้เธอมีความทะเยอทะยานอื่นแฝงอยู่ด้วย นั่นคือในตอนที่นายอำเภอเข้ามาสอบถามเรื่องที่เธอไปซื้อกระดาษพิมพ์ดีดมา แอนนี่โกหกว่าเธอกำลังพยายามเขียนนิยายเลียนแบบพอล (ซึ่งเข้าใจว่าหายสาบสูญไป) นั่นเป็นเพียงคำโกหกหรือเป็นการบอกว่าแอนนี่มีแผนจะขโมยชื่อเสียงของพอล? นี่เป็นมิติของความขัดแย้งที่หนังเพิ่มเติมเข้าไป และเป็นมิติที่อาจทำให้แอนนี่เปลี่ยนจากแฟนที่บ้าคลั่งเป็นคู่แข่งไปได้

ในตอนจบ พอลได้รับคำเยินยอมากมายจากนักวิจารณ์สำหรับหนังสือเล่มใหม่ของเขาที่ชื่อ The Higher Education of J.Phillip Stone แน่นอน ตัวพอลนั่นเองที่เป็นผู้ได้รับบทเรียน โดยเฉพาะในเรื่องการต่อสู้ปกปักรักษาความเป็นชาย แต่ในตอนจบนี้หนังก็บอกไว้เช่นกันว่าแอนนี่ก็คือผู้หญิงทุกคน และในขณะที่นิยายเพียงแต่แปลงเธอให้กลายเป็นวัตถุดิบหรือผลงานของผู้ชาย หนังได้ทำให้เธอกลายเป็นสิ่งที่จะหลอกหลอนพอลอยู่ตลอดไป


* ตีพิมพ์ครั้งแรกใน สารคดี ฉบับเดือนธันวาคม 2535
 
เริ่มเมื่อ 4 ธันวาคม 2552
ปรับปรุงครั้งล่าสุด : 5 ธันวาคม 2552
งานสารสนเทศและห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โทรศัพท์ 0-2201-5710 โทรสาร 0-2354-7144 e-mail : lisc@mahidol.ac.th