วัตถุประสงค์ของการจัดงาน
คณะกรรมการดำเนินงาน
กำหนดการพิธีเปิดงาน
รายชื่อร้านค้า/บริษัท
กิจกรรมบนเวที เสาวนานักเขียน
กิจกรรมพิเศษอื่นๆ ภายในงาน
ภาพบรรยากาศภายในงาน
มหิดล-พญาไท ครั้งที่ 3 (2550)
หนังสือเล่มโปรด (My Favorite Book )
ของชาวมหิดล คนรักการอ่าน
ขอเชิญส่งเรื่องราวหนังสือเล่มโปรดของท่าน เข้าร่วมรายการ ได้ที่ lisc@mahidol.ac.th
 

รู้เขารู้เราเท่าๆ กัน : ทำงานอย่างไรโดนใจฝรั่ง / เกรียงศักดิ์  นิรัติพัฒนะศัย

 

หนังสือเล่มโปรดของ :
รัตน์ชนก  ยอดพินิจ


               ในครั้งแรกที่พบหนังสือเล่มนี้  ได้เห็นชื่อเรื่องบนหน้าปกแล้วอยากซื้อทันที  ยิ่งได้เปิดอ่านเนื้อหาข้างในแบบคร่าวๆ แล้ว  โอ้...แน่นอน...

เนื้อหาในหนังสือมีแนวคิดครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ในการทำงานและการบริหารธุรกิจ เช่น เกี่ยวกับภาวะผู้นำ  การแสดงออกอย่างเหมาะสม  มุมมองชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทยที่มีต่อคนไทย  ศิลปะการบริหารการมีส่วนร่วม  ทัศนคติ  เป็นต้น  ซึ่งในแต่ละเรื่องมีการยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานมาประกอบกับเรื่องราวต่างๆ ให้เห็นเด่นชัด  สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของการทำงานได้

"การเคารพเวลาของคนอื่นนั้นสำคัญมาก"

เราต้องเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นไปได้  ถ้าพยายามเราก็จะกล้าลงมือ
ชาวตะวันตกทั่วไปมีความรู้สึกเห็นพ้องต้องกันว่า  เมื่อคนเราให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำอะไรแล้วไม่รักษาคำพูด  ต่อไปคำพูดของบุคคลนั้นจะไม่มีน้ำหนัก  และไม่มีคุณค่า  เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจน้อยลง  พร้อมทั้งจะได้รับมอบหมายภาระรับผิดชอบทั้งในด้านการงานและทางสังคมน้อยลงด้วย ทุกเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้คุ้มค่าในการอ่านจริงๆ เพราะมีกลเม็ดเคล็ดลับในการทำงานกับชาวต่างชาติอย่างรู้เขารู้เรา  (ไม่เคยอ่าน ???  น่าจะลองอ่านดูนะคะ.....)

                แล้วพบกันในงานมหิดล – พญาไท บุ๊กแฟร์ 2008  มาดูกันซิใครจะพบหนังสือเล่มโปรดเล่มใหม่กันบ้าง

 

“"ลูกอีสาน" / คำพูน บุญทวี

หนังสือเล่มโปรดของ :
มานิตา ศรีดี
บรรณารักษ์ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข


    

   ถ้าจะให้เลือกหนังสือเล่มโปรดมาสักเล่มหนึ่ง เชื่อว่าหลายคนอาจใช้เวลาคิดนานมาก หรือบางคนอาจคิดได้เดี๋ยวนั้นทันที แต่สำหรับตัวเองยอมรับเลยว่าใช้เวลาคิดนานพอสมควร เนื่องจากว่ามีหนังสือในดวงใจให้เลือกหลายเล่มเหลือเกิน แต่ในที่สุดก็ได้หนังสือเล่มนั้นมาจนได้ ซึ่งก็คือเรื่อง "ลูกอีสาน"

"ลูกอีสาน" ได้รับการคัดเลือกว่าเป็นหนังสือดี 100 เล่ม ที่คนไทยควรอ่าน จาก "โครงการวิจัยเพื่อคัดเลือกและแนะนำหนังสือดีในรอบศตวรรษ" ทั้งยังได้รับรางวัลดีเด่นประเภทนิยาย ของคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ในปี พ.ศ.2519 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม แห่งอาเซียน (ซีไรท์) ปี พ.ศ.2522

ตอนที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นก็คือ "ผิดคาด" ด้วยไม่คิดว่าคุณคำพูนจะใช้วิธีการเขียนที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายขนาดนั้น การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมา แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน ว่าเค้าต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างไร พูดถึงเรื่องของความอดทนเพื่อเอาชนะกับความยากแค้นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ชี้ให้เห็นถึงความมานะบากบั่นที่จะต่อสู้กับสิ่งต่างๆ กล่าวถึงความเอื้ออารีที่มีให้กันในหมู่คณะ สอนให้เคารพนบนอบต่อผู้ที่อาวุโสกว่า สิ่งเหล่านี้สามารถพบเจอได้ในแต่ละตอนของหนังสือ ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งที่พ่อของคูนได้บอกเอาไว้ว่า

"...เรื่องน้ำใจ พ่อของคูนเคยสอนคูนเหมือนกันว่า คนมีชื่อนั้นคือคน รู้จักสงสารคนและช่วยเหลือคนตกทุกข์ ถ้าไม่มีสิ่งของช่วยก็เอาแรงกายช่วย และไม่เลือกว่าคนๆ นั้นจะอยู่บ้านใด อำเภอใด"

สิ่งที่ตัวเองได้รับจากหนังสือเล่มนี้ อย่างแรกก็คือความสนุกสนานเพลิดเพลิน การได้เห็นถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจนความเชื่อของชาวอีสานที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน แง่คิดต่างๆ ในการดำรงชีวิตที่ผู้เขียนสอดแทรกเอาไว้ในเนื้อเรื่อง

และสุดท้ายสิ่งที่ตัวเองได้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ อย่าพยายามคาดหวังว่าเราจะได้รับอะไรจากหนังสือที่เราอ่าน แต่เมื่อเราอ่านจนจบ เราจะได้รับสิ่งเหล่านั้นกลับมาเองโดยที่ไม่ต้องพยายามค้นหาอะไรเลย....

 

“ปัญหาคือยาวิเศษ (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 10)” 
/ สรกล อดุลยานนท์ (หนุ่มเมืองจันท์)

หนังสือเล่มโปรดของ :
วรัษยา สุนทรศารทูล
นักวิทยาศาสตร์ (หน่วย Multimedia Center)

    

   ติดตามอ่านงานเขียนของคุณ “หนุ่มเมืองจันท์” มานานแล้ว ในมติชนสุดสัปดาห์ พอทางสำนักพิมพ์นำมารวมเล่ม ก็เลยซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่เล่มที่ 1 จนตอนนี้เป็นเล่มที่ 10 แล้ว

      ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเป็นเหมือนอาหารจานด่วน ที่สามารถบริโภคได้ในเวลาอันรวดเร็ว กรรมวิธีปรุงไม่ยุ่งยาก  คุณ “หนุ่มเมืองจันท์” มีวิธีถ่ายทอดทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องที่น่าเบื่อให้กลายเป็นขำ-ขำ รสชาติจัดจ้านด้วยแนวคิด มุมมอง และวิธีแก้ปัญหาจากบุคคลในวงการธุรกิจ  และที่สำคัญไม่ต้องจบบริหารธุรกิจก็อ่านแล้วเข้าใจ 

      สำหรับเล่มนี้ พูดถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจอีกเช่นเคย แต่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของปัญหา ดังคำโปรยของหนังสือที่ว่า หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับคน "โชคร้าย" ที่ไม่มีปัญหา แต่เป็นหนังสือคู่ใจของ "คนที่มีปัญหา"..ที่ไม่รู้ว่าตัวเอง"โชคดี" (หนุ่มเมืองจันท์) เพราะเมื่อคุณมีปัญหาแสดงว่าชีวิตคุณกำลังมีทางเดินหรือทางเลือกรออยู่ การแก้ปัญหาก็คล้ายกับการเลือกทางเดินว่าคุณจะเลือกเดินแบบไหน อาจมีอุปสรรคเกิดขึ้นบ้างระหว่างทาง หรือบางครั้งก็เป็นรางวัลของชีวิต ขึ้นอยู่กับมุมที่คุณมอง ทุกอย่างคุณคือผู้กำหนด...

 

“รอยเท้าเล็กๆ ของเราเอง” 
/ วินทร์ เลียววาริณ (2548)

หนังสือเล่มโปรดของ :
สมภพ แสนสมบูรณ์สุข
บรรณารักษ์ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข

หากชีวิตคือการเดินทาง คุณเคยคิดที่จะหยุดเดินไหมครับ?
แล้วถ้าหยุดเดินแล้วคุณจะเดินต่อไหม? หรือหยุดเดินเลย? หรือเปลี่ยนไปเดินทางอื่น?

ไม่ว่าคุณจะเคยคิดแบบข้างบนหรือไม่ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผมคิดว่ามีคำตอบให้คุณก่อนที่คุณจะคิดจะทำอะไรบางอย่างกับการใช้ชีวิต
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความเสริมกำลังใจ ชุดที่ 1 ของวินทร์ เลียววาริณ ความยาวไม่มาก พออ่านได้เพลินๆ หลายบทความในหนังสือเล่มนี้ ผมอ่านไปแล้วก็ได้แต่พยักหน้าตามไป บางทีก็ยิ้มไปกับมุมมองของเขา บางทีก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ ซึ่งผมคิดว่ามุมมองของเขาในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่มุมมองที่แปลกหรือขวางโลกแต่อย่างใด

“แต่เป็นมุมที่ทุกคนมองข้ามมันหรือไม่เคยที่จะคิดถึงมัน”
                ผมคิดว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นอ่านมันด้วยอารมณ์แบบไหนก็ตาม

“คาดหวังกับงานที่มาจากปลายปากกาของเขา”
“อ่านเพราะต้องการกำลังใจในยามที่ท้อแท้”
“อ่านเพราะไม่มีอะไรจะอ่าน”

สุดท้ายแล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่คุณจะได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือ “แสงสว่าง” ที่จะนำทางคุณให้เดินต่อไปด้วย “รอยเท้าเล็กๆของเราเอง”

“ปรัชญาชีวิตมิได้อยู่ในตำราของจอมปราชญ์คนใด หากอยู่ในชีวิตประจำวันของเรานี่เอง”

7 พฤศจิกายน 2550

“พันธุ์หมาบ้า”  / ชาติ กอบจิตติ

หนังสือเล่มโปรดของ :
อภิชัย อารยะเจริญชัย
บรรณารักษ์ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข


สมัยรุ่นๆ เด็กผู้ชายยุคข้าพเจ้าถ้าใครไม่อ่าน "พันธุ์หมาบ้า" นี่ยังถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายตัวจริง 555

มันเป็นเรื่องของกลุ่มคนที่มาจากหลากหลายครอบครัว พื้นเพต่างกัน ฐานะต่างกัน แต่มีอุดมการณ์เสรีที่เหมือนกัน ไอ้พวกนี้ไม่แยแสต่อสภาวะโลกร้อน ไม่สนใจค่าเงินบาท ไม่เดือดร้อนถ้าน้ำมันจะขึ้นราคา ถ้ามีเหล้าให้กินมีบุหรี่ให้ดูด มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำ มันก็อยู่กันได้แล้ว

เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นห่วงว่าผู้อ่านจะเอาแบบอย่างตัวละครที่สำมะเลเทเมาได้ทั้งเรื่อง แต่อย่าห่วงไปเลยครับ จงยอมรับเถอะครับว่า คนอ่านส่วนใหญ่น่ะมันก็เป็นอย่างในเรื่อง ก่อนที่เขาจะมาอ่านแล้วล่ะ  บางคนอาจจะสงสัยว่าไอ้คนพวกนี้มันมีอยู่จริงๆ หรือ ...ข้าพเจ้ายกมือยอมรับเลยครับว่า "มันมีจริงๆ ครับท่าน"

แม้ในนิยายจะไม่แสดงบทสรุปที่ชัดเจน ของตัวละครแต่ละตัวที่เหลวแหลกได้เสมอต้นเสมอปลาย แต่คุณชาติ (ผู้เขียน) ก็ได้สอดแทรกมุมมองและทัศนคติต่อชีวิต ผ่านตัวละครแต่ละตัวได้อย่างน่าสนใจ ... "อ๊อตโต้" ที่ชีวิตพลิกผันเพราะความรักเพื่อนเกินเหตุ แม้จะล้มสักกี่ครั้ง มันก็พยายาม "นับหนึ่ง" ใหม่จนได้ ..."ทัย" ลูกชายเจ้าของร้านทอง แต่เสือกอยากเป็นนักดนตรีจนต้องหนีออกจากบ้าน ไปเผชิญโลกที่โหดร้ายกว่าเตี่ยที่เขาเกลียดมากมาย ... "ล้าน" เด็กศิลปะที่เรียนไม่จบ และเมาได้ตลอด 24 ชม. แต่เขาก็ส่งเสียน้องเรียนจนจบได้ ... "นิด" หนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมผู้เริ่มตั้งตัวแห่งประเทศไทย ที่หนีเพื่อนไปตั้งตัว (จริงๆ) อยู่อเมริกา ... "แก่" อดีตนายทหารเรือที่ชกปากผู้บังคับบัญชา ก่อนจะลาออกมาเป็นฮิปปี้ ... "ตุ๋ย" ชายหนุ่มที่สามารถชี้นิ้วด่าคนแก่คราวแม่ได้อย่างไม่กระดากปาก (คราวยายมันก็ไม่เลี้ยง) ... และอีกสารพัดตัวละครประสาทแดก

ว่ากันว่า "คุณชาติ" เอาชีวิตจริงมาเขียนเป็นนิยาย ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธใดๆ ได้แต่ยิ้มๆ แล้วก็ว่า "ไอ้พวกนี้ คุณก็รู้จักมัน"

"...เก็บสิ่งดีจากหนังสือไปใช้ จำสิ่งชั่วไว้เตือนตน โดยไม่ต้องลองเสี่ยงเอง เพียงเพราะคำว่า "อยากลอง" เท่านั้น และผมขอยืนยันว่า ผมไม่เชื่อว่าคนที่รักการอ่านหนังสือ จะต้องมาเสียคนเพราะการอ่านหนังสือ..." (ชาติ กอบจิตติ)

 

“กว่าจะเป็นคนเก่ง”  / สุภาวดี หาญเมธี

หนังสือเล่มโปรดของ :
รุจเรขา อัศวิษณุ
หัวหน้างานสารสนเทศฯ
คณะวิทยาศาสตร์


พบหนังสือเล่มนี้วางขายในงานมหิดล-พญาไทบุ๊กแฟร์ 2007 เมื่อปีที่แล้ว ที่บูธของสำนักพิมพ์รักลูก ระหว่างที่กำลังยืนรอดู คุณโบ ชญาดา มัสยวาณิช ดารานักเขียนชื่อดังที่มาร่วมงานเสวนานักเขียน .. อ่านแล้วชอบใจ เลยซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ลูกสาว .. อยากจะบอกเขาว่า เด็กทุกคนสามารถเป็นคนเก่งได้ ในสไตล์ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น ขอเพียงแต่รู้ว่า ตัวเองต้องการอะไรเท่านั้น ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ ดิฉันนำมาใช้กับทั้ง "ลูกตัว" และ "ลูกน้อง" ... ในเล่มมีเรื่องราวของนักศึกษาคณะวิทย์ของเราด้วย 2 คน คือน้องแทมมี่ ชิดนภา กิตติกุล ภาควิชาเคมี จากเรื่อง "ธรรมชาติเป็นครู เรียนรู้สกัดพืชทำยาต้านเอดส์" และน้องปึง รักพงษ์ กิตตินราดร ภาควิชาฟิสิกส์ จากเรื่อง "เส้นทางชีวิตลิขิตจากดวงดาว" แต่เรื่องราวชีวิตของเด็กคนอื่นๆ ที่เป็นนักตีระนาดเอก ช่างซ่อมนาฬิกา และนักมายากลมืออาชีพ ก็น่าทึ่งมากเช่นกัน

หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจหลายอย่าง รวมทั้งเป็นต้นแบบของการผลิตสิ่งพิมพ์ ประเภทพ็อคเก็ตบุ๊ก หนึ่งในกิจกรรมของห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข ที่เราเรียกกันว่า "Stang Mongkolsuk Prepress" ด้วย

งานมหิดล-พญาไทบุ๊กแฟร์ 2008 ที่จะถึงนี้ ตั้งใจว่าจะต้องมองหาหนังสือที่ถูกใจ อีกสักเล่ม สองเล่ม

 

 

stang.sc.mahidol.ac.th/bookfair2008
Call Center : 02-201-5710 E-mail : lisc@mahidol.ac.th
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 งานสารสนเทศและห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ปรับปรุงครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2550