หนังสือเล่มโปรด (My Favorite Book)

 

ผศ.ดร. สมคิด อมรสมานกุล

รองคณบดีฝ่ายพัฒนาระบบและเทคโนโลยี / อาจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

เล่มโปรดของผมนะครับ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า เป็นนิยายจีนแต่งโดย กิมย้ง เรื่องนี้มีตัวละครเยอะแล้วก็หลากหลาย แต่ละคนก็จะมีบุคลิกของตัวเอง ซึ่งมันสะท้อนและสามารถเอามาเปรียบเทียบได้กับสถานการณ์ปัจจุบันหรือจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ได้ เพราะในสังคมเราก็จะมีคนที่หลากหลายรวมอยู่ด้วยกัน ข้อคิดต่างๆ ในนิยายเราก็เอามาใช้กับชีวิตเราได้เหมือนกัน

ตัวละครอย่าง เซียวฟง เป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ ตั้งใจที่จะทำ อย่างบุกเข้าไปเส้าหลิน ไม่ได้แคร์ใครเลย รู้ว่าไปก็อาจจะไม่รอดแต่ก็ยังไป แสดงถึงความกล้าหาญแน่วแน่ในการตัดสินใจ คือถ้าคิดว่ามันเป็นประโยชน์ก็แน่วแน่ที่จะทำ โดยไม่แคร์ถึงตัวแปรอื่นๆ ถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องเค้าก็จะทำ แนวคิดของตัวละครตัวนี้ก็ช่วยสอนเราได้ อย่างบางทีเวลาเราจะทำอะไรก็ตามมักจะเจออุปสรรคเยอะแยะไปหมด ถ้าเราคิดว่าเรามันถูกต้องและควรทำแล้วเราตั้งใจจริงที่จะทำ ที่สุดแล้วมันก็จะทำได้

เรื่องอื่นที่ชอบก็มี กระบี่เย้ยยุทธจักร ของ กิมย้ง เหมือนกัน มันสะท้อนภาพเหมือนนักการเมืองในปัจจุบัน สำนักต่างๆ ในเรื่องนี่เหมือนพรรคการเมืองเลย สำนักต่างๆ จะยึดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง นิยายเรื่องนี้ผมว่าดีนะ อยากให้นักศึกษาได้อ่านแล้วเอาไปเป็นคติ มันเป็นการคิดแบบนอกกรอบ พระเอกนี่คือ เล้งฮู้ชง จะเป็นคนอยู่นอกกรอบในขณะที่คนอื่นจะวนเวียนอยู่กับการแย่งชิงอำนาจเละเทะไปหมด แต่พระเอกไม่สนใจ ชั้นจะทำในสิ่งที่ชั้นคิดว่าถูกต้องและไม่โอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในเรื่องนี้จะมีฝ่ายธรรมะกับอธรรม จะตีเส้นไว้เลยนะว่าใครเป็นฝ่ายไหน แต่จริงๆ แล้วในโลกของเรามันไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างเธอสีนี้ เธอสีนั้น ผมว่ามันไม่ใช่ มันต้องดูกันที่เหตุผล อย่างในเรื่องนี้บางคนอยู่ฝ่ายอธรรมก็จริง แต่บางเรื่องที่เค้าทำก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พระเอกจึงกล้าที่จะมาสนับสนุนคนที่อยู่ฝ่ายอธรรม คนฝ่ายธรรมะจึงมองว่าพระเอกเป็นพวกนอกรีต ฝ่ายธรรมะบางคนก็ทำชั่วเหมือนกัน มันก็เป็นการตั้งคำถามว่า อ้าว...แล้วเค้าทำถูกเหรอ เป็นสิ่งที่สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันที่เรากำลังเป็นอยู่ ถ้าเราลองถอยออกมาแล้วมองในอีกมุมหนึ่ง เราอาจจะเห็นภาพต่างๆ ที่ชัดเจนขึ้น อย่างนักศึกษาเนี่ย เวลาเค้ามองปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม ถ้าเค้าหมกมุ่นกับปัญหา วงที่เค้ามองเห็นก็จะอยู่แค่ตรงนั้น มองไม่เห็นทางแก้ แต่ถ้าลองถอยออกมาซักนิดนึงแล้วค่อยมอง เค้าอาจจะมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาทางอื่นเพิ่มเติม

ผมอยากให้อ่านหนังสือกันเยอะๆ เด็กสมัยนี้ผมว่าอ่านเยอะ แต่กลับอ่านวรรณกรรมไม่เยอะ ที่ว่าอ่านเยอะคืออ่านเฟซบุ๊ค อ่านอะไรที่อยู่บนหน้าจอ ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะ แต่ว่ามันไม่ได้มีการกลั่นกรองและร้อยเรียง แต่ถ้าเป็นวรรณกรรมมันจะมีการร้อยเรียง แล้วเค้าจะได้ความรู้ซึมซับเข้าไป เราต้องเริ่มต้นว่าจะส่งเสริมให้รักการอ่านกันได้อย่างไร คืออ่านแล้วต้องสนุก ไม่ใช่อ่านเพื่อสอบ สอบเสร็จก็ลืมหมดเลย อย่างผมนี่เจออะไรก็อ่าน เจอร้านหนังสือนี่ก็ต้องเข้าไปแล้ว รู้สึกว่ามันดึงดูดเรา แต่ถ้าเค้าจะเริ่มจากอินเทอร์เน็ตก็ได้นะ ที่จริงก็มีอะไรดีๆ ให้อ่านในเน็ตเยอะแยะ อย่าง ไวท์โร้ด นี่ก็โด่งดังมาจากอินเทอร์เน็ตแล้วก็มาตีพิมพ์เป็นเล่ม หรือจะอ่านการ์ตูนก็ยังได้ มีเยอะเลยที่มีสาระแฝง นิยายจีนที่ผมว่านี่ก็มีออกเป็นการ์ตูน บางทีหนังสือนิยายนี่ เปิดมาแล้วตัวหนังสือเยอะเลย แปดเทพอสูรมังกรฟ้านี่ตั้ง 4-5 เล่ม เค้าอาจจะไม่อยากอ่าน แต่ถ้าลองเริ่มจากการ์ตูนหรือดูหนังก็ได้ ก็จะเกิดแรงบันดาลใจว่าในหนังสือมันเป็นยังไง ผมเชื่อว่าถ้าเค้ามาลองอ่านนี่ สมมุติเริ่มจากการ์ตูนก็ได้แล้วมาอ่านนิยาย จะรู้เลยว่านิยายมันจะลุ่มลึกกว่า

สามก๊กนี่ผมก็อ่านเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยชอบสำนวนของเจ้าพระยาพระคลัง เพราะมันคงโบราณเกินไป ถ้า น.นพรัตน์ เอามาทำใหม่ก็อาจจะชอบ สามก๊กนี่มีคนเอามาดัดแปลงต่อเยอะ อย่างเป็นการ์ตูนก็แต่งต่อเพิ่มเติมกันไป มันก็จะหลากหลาย เป็นเรื่องที่ดีนะ ประวัติศาสตร์จีนมันก็จะแฝงไว้ในนิยาย บางทีนี่อ่านจนอาจจะรู้ประวัติศาสตร์จีนมากกว่าคนจีนบางคนซะอีก เพราะก็เหมือนคนไทยนี่แหละที่เกลียดประวัติศาสตร์ แต่ถ้าเราสนใจนิยายจีนเราก็จะสนใจประวัติศาสตร์ตาม เพราะนิยายจีนมันจะอิงประวัติศาสตร์ อย่างแปดเทพอสูรมังกรฟ้าก็จะมีส่วนที่อิงประวัติศาสตร์เป็นยุคๆ ไป ตอนนี้มีการ์ตูนออกมาเป็นตำนานจักรพรรดิ ออกมา 5 ภาคแล้ว มีตั้งแต่ยุคจิ๋นซี เล่าปัง จ้าวควงอิน ไล่ลำดับเป็นยุคมาเหมือนบ้านเรา แต่บ้านเราประวัติศาสตร์มันสั้นกว่าเค้า ถ้าให้สนุกและน่าติดตามบางทีมันก็ต้องใส่ดราม่าเข้าไป ไม่งั้นก็น่าเบื่อ