หนังสือเล่มโปรด
(My Favorite Book) |
|
|
รศ.ดร.
พลังพล คงเสรี
อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
|
|
|
ตอนนี้ลูกผมกำลังเรียนอยู่อนุบาลก็เลยนึกถึงหนังสือเล่มนึงชื่อ
All I Need to
Know I Learned in Kindergarten เขียนโดย
Robert Fulghum แปลตรงๆ ก็คือ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในโรงเรียนอนุบาล
เล่มนี้ร้อยกว่าหน้า อ่านง่ายๆ แต่ละ Chapter ก็จะพูดถึงเรื่องทั่วๆ
ไปในการดำเนินชีวิต เค้าก็จะเล่าถึงเด็กโรงเรียนอนุบาล เช่น ฉี่แล้วต้องกดชักโครกนะ
ไม่ขโมยของคนอื่น ไม่พูดปด ยืมดินสอเพื่อนมาแล้วต้องคืน กินอาหารที่มีประโยชน์
มันก็คือทุกอย่างที่คนเราดำเนินชีวิตกันนี่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเด็กอนุบาลเลย
เค้าบอกว่าแค่นี้แหละ ทุกอย่างที่เป็นโรงเรียนอนุบาลมันก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิต
ให้ลองมองโลกในมุมมองของเด็กอนุบาล ผมอ่านแล้วก็แฮปปี้ดี
สอนให้คิดแบบไม่สลับซับซ้อนมากนัก เช่น บอกว่าตกหลุมรัก..."ตก"
แล้วจะขึ้นมาได้ยังไง อันนี้เป็นมุมมองของลูกชายผมนะ หรือ "กวาดตามอง"
... เพราะมันคงมีอะไรสกปรกมั้งถึงต้องกวาด คือมุมมองของเด็กจะง่าย
สะอาด ซึ่งหนังสือของ Fulghum ก็จะง่ายๆ แบบนี้ เป็นมุมมองของการใช้ชีวิต
อันนี้เป็นหนังสือของผู้ใหญ่นะ บอกว่าผู้ใหญ่ก็ควรจะคิดเหมือนเด็ก
เป็นแนว How to ที่น่าอ่านมาก เพราะชีวิตมันไม่ต้องซับซ้อนมากก็ได้
คิดเหมือนเป็นเด็กอนุบาล ผมว่าใครได้อ่านก็จะรู้สึกเหมือนผม คือมันไม่ซับซ้อนมาก
ไม่จำเป็นต้องไปอ่าน How to ที่มันยากๆ ผมเลี้ยงลูกด้วยเลยหยิบมาอ่านใหม่
ก็พบว่าเด็กนี่เค้ามองอะไรไม่สลับซับซ้อน ยืมของมาก็ต้องคืน เข้าส้วมก็ต้องกด
มันง่ายมาก มันเป็นกฎของสังคมเลย แล้วมันก็สอนความรับผิดชอบต่อสังคมเลยนะ
มันมี Applications หลายตัวที่เกี่ยวกับหนังสือบน iPod
หรือ iPhone ที่ทุกคนควรจะอ่านกัน มันสั้นๆ อ่านง่าย อ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
มันอาจจะหมดยุคที่จะพลิกหนังสือแล้วมั้ง แตะไม่กี่ทีก็ได้อ่าน fulltext
แล้ว อ่านได้ตลอดเวลา อย่าง Chemistry World นี่ผมก็มี
Applications อยู่บนมือถือผม อ่านแล้วมันก็รู้สึกว่ามันมีประโยชน์
แต่ก่อนผมเคยแอนตี้เหมือนกัน เมื่อก่อนมีคนถามว่ามันจะเป็นไปได้เหรอที่
Journal มันจะเป็น online หมด แล้วมันก็เป็นไปได้ แต่ทุกคนก็ยังชอบที่จะอ่านหนังสือ
แต่พอถึงเวลาแล้วมันก็คงจะไม่คุ้มที่จะทำ มันไม่เร็วพอ เดี๋ยวนี้เค้าก็ทำเครื่องมือที่มันอ่านง่ายขึ้น
มีนวัตกรรมดีๆ แล้วก็อยากจะให้ใช้เพื่อประโยชน์ให้มากขึ้นด้วย
การอ่านหนังสือนี่ก็เป็นไปตามวัย ตามความสนใจของเด็ก บางทีเราพยายามจะป้อนในสิ่งที่เค้ายังไม่พร้อม
เค้าก็ไม่มีทางสนใจหรอก เด็กสมัยนี้มีตัวเลือกเยอะ เค้าต้องรู้จักที่จะเลือก
พ่อแม่ต้องสอนให้เค้าเลือก เพราะสมัยก่อนมันไม่มีอะไรให้เลือกมากนักแต่สมัยนี้มันเยอะมาก
ผมว่าสอนให้เลือกและสอนให้ไม่เลือกให้รู้จักแยกแยะมากกว่า เด็กเค้าจะมีพฤติกรรมเลียนแบบ
ผมอ่านหนังสือที่บ้านเค้าก็อยากจะอ่านบ้าง นักศึกษาเราก็เหมือนกัน
text นี่มันของตายอยู่แล้ว แต่ที่เหลือนี่ยังมีอะไรให้อ่านเยอะ
|
|
|
|
|