หนังสือเล่มโปรด (My Favorite Book)

[ แนะนำหนังสือเล่มโปรด ]

เล่มโปรดของ ลีลศร พ่วงศรี
หัวหน้างานนโยบายและพัฒนาคุณภาพ

ตอนนี้ชอบอ่าน นิตยสาร Secret มันให้ข้อคิดเราหลายๆ เรื่อง วิธีการคิดแก้ปัญหา มีการนำเสนอประสบการณ์ชีวิตของคนหลายๆ คน ว่าเค้าแก้ไขปัญหาในชีวิตกันอย่างไร ซึ่งเราก็สามารถหยิบมาเป็นบทเรียน ในการดำเนินชีวิตของเราเองได้เหมือนกัน มีอยู่ตอนหนึ่งที่เป็นเรื่องของคุณลูกหมีที่เป็นนางแบบ เค้าประสบปัญหาชีวิตครอบครัว เราก็ดูว่าเค้ายังสามารถผ่านมรสุมชีวิตมาได้ ถามว่าเราเคยเจออะไรเลวร้ายแบบเค้ามั้ย มันก็ไม่เคยหรอก แต่เราก็น่าจะดูเป็นตัวอย่างว่าเค้าผ่านเรื่องใหญ่ขนาดนั้นมาได้ ถ้าเป็นเราก็น่าจะผ่านเรื่องเลวร้ายแบบนั้นได้เช่นกัน

จริงๆ แล้วเริ่มอ่าน Secret ได้ไม่กี่เล่ม แต่พอเริ่มอ่านแล้วก็ติดตามมาเรื่อยๆ ข้างในเล่มจะเล่าเรื่องของคนหลายๆ คน ว่าเค้ามีประสบการณ์ชีวิตยังไง เจออะไรมา แล้วแก้ไขปัญหาชีวิตยังไง นอกจากนี้ก็อ่าน แพรว เพราะข้างในก็มีเรื่องของบุคคล ชอบอ่านเรื่องแบบนี้คือจะได้รู้จักชีวิตคนหลายๆ แบบ หยิบเอาแนวคิดของเค้ามาใช้กับตัวเรา

กับ Secret นี่ตอนแรกไม่ค่อยสนใจเลยนะ เพราะดูมันออกแนวธรรมะจ๋า แต่จริงๆ เค้าจะเอาธรรมะเข้ามาสอดแทรก เอามาปรับใช้ พออ่านแล้วก็รู้สึกชอบใจ ท่าน ว.วชิรเมธี จะเขียนประจำหนึ่งคอลัมน์ ทั้งเล่มจะเล่าถึงชีวิตของคนหลายๆ แบบ เป็นนิตยสารเล่มแรกนะที่อ่านหมดทั้งเล่มเลย แต่ก่อนนี่ก็อ่านนิยาย แต่ไม่ได้ชอบมาก เป็นแบบพลิกอ่านตอนจบก่อนเลยนะ ดูก่อนว่าจบยังไง ถ้าจบดีก็อ่าน

 


สวัสดีค่ะ ดวงพร โพธิ์บุตร อยู่ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข ถ้าพูดถึงหนังสือเล่มโปรดจริงๆ แล้วเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เลยไม่ค่อยมีเล่มโปรดกับเค้าหรอกค่ะ แต่เมื่อได้เข้ามาทำงานในห้องสมุด ทำให้ได้เห็นหนังสือมากมาย บางเล่มเห็นหน้าปกก็อยากจะหยิบขึ้นมาอ่านทันที แต่บางเล่มเห็นแล้วก็อยากจะวางมันไว้แบบนั้น จนได้มาเจอหนังสือชื่อว่า “ยังไม่เคยทำ” ไม่ได้แปลว่า “ทำไ ม่ได้” เรียบเรียงโดย คุณนวพันธ์ ปิยะวรรณกร เป็นหนังสือแนวให้ “กำลังใจ” เป็นเรื่องทั่วๆ ไป เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ให้รู้จักจัดระเบียบชีวิต และรู้จักมีวินัยแห่งชีวิตมากขึ้น กำลังใจที่เข้มแข็งจะทำให้คุณสามารถก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรค์ต่างๆไปได้ สิ่งที่เราคิดว่า “เราทำไม่ได้” นั้นไม่จริงหรอกค่ะ เพียงแต่ “เรายังไม่ได้ทำ” มากกว่า ซึ่งผู้เขียน ได้เขียนไว้ “กำลังใจ” อาจจะมาจากใครสักคน หรือจากใครหลายคน แต่กำลังใจที่ดีที่สุด คือ “กำลังใจ” ที่เราสร้างขึ้นมาเอง .. .หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณค้นพบความจริงที่ว่า “การทำความฝันให้เป็นจริงนั้นมิใช่เรื่องง่าย” และคุณเองก็จะเข้าใจ...ว่า “การทำความฝันให้เป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”....เช่นกัน

เนื้อหาส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนฝากไว้ คือ .. .เราไม่มีเงินซื้อรองเท้า ขณะที่บางคนไม่มีแม้เท้าจะใส่มัน จงมั่นใจ ทุกคนมีความสามารถไม่มากน้อยกว่ากัน อย่ายอมแพ้แก่โชคชะตาในวันนี้ จงรีบเรียกหาเพื่อนที่ดีที่สุด นั่นคือ “กำลังใจ” ซึ่ง “กำลังใจ” ไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อหา แต่ต้องการเพียงการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดทางจิตใจที่ถูกต้อง ส่วนเงินนั้นจะตามมาเอง.....

คำที่ชื่นชอบในหนังสือเล่มนี้ มีเยอะมาก แต่คำที่อ่านแล้วชอบ คือ บางครั้งเราอาจคิด ชีวิตเราไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ ไม่เก่งอย่างเขา ศึกษาน้อยกว่า ไม่มีโอกาสใดใด ถ้าเราไม่รู้จักตัวเองแล้ว...ถ้าเราไม่รู้จักวิเคราะห์ตัวเองแล้ว....ใครกันจะค้นพบ...หากไม่ใช่ตัวของเราเอง

จนทุกวันนี้ก็ยังคงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านอยู่บ่อยๆ เหมือนอ่านเตือนให้ตัวเองว่า การดำเนินชีวิตของคนเรา เพื่อให้ดีขึ้นจากเมื่อวันวานโดย "กำลังใจ" มีส่วนสำคัญในการสรรค์สร้างชีวิต เราจะท้อไม่ได้นะ หากวันใดเราล้มก็จะลุกขึ้นสู้ต่อไป....ดังเช่นที่ผู้เขียน เขียนไว้ว่า ”เดินให้ช้าลง...ชีวิตจะมีความสุขมากขึ้น” ขอบคุณค่ะ

 


เล่มโปรดของ น้องนุช ประสมคำ
นักวิเทศสัมพันธ์ งานประชาสัมพันธ์ กิจกรรมพิเศษ และวิเทศสัมพันธ์

หนังสือเล่มโปรดเล่มนี้นะคะ ชื่อว่า “แม่เล่าให้ฟัง” เป็นพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. 2523 ค่ะ ได้อ่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แล้วชอบมากๆ เพราะในหนังสือเล่มนี้ พระองค์ใช้คำง่ายๆ ที่เข้าใจได้ทันที พระองค์ทรงเล่าถึงประวัติสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ระหว่างปี พ.ศ.2443-2481 เชื่อว่าหลายคนที่ได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้จะต้องชอบกันทุกคนเพราะนอกจากจะได้รู้ถึงพระราชประวัติของ “สมเด็จย่า” ของคนไทยทุกคน ได้รับรู้เรื่องราวของราชวงค์ “มหิดล” นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ถึงเหตุการณ์ วิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม การเมืองและสังคมในสมัยนั้นค่ะ

เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้มีความรู้สึกว่า ได้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศของสมัยนั้นค่ะ ได้รับรู้ว่า “สมเด็จย่า” ของเราพระองค์ทรงใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมีพระจริยวัตรที่งดงามตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังเป็นสามัญชนธรรมดา จนถึงได้รับพระราชทานยศเป็นสมเด็จพระราชชนนีฯ พระองค์ได้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนพระโอรสและพระธิดาซึ่งเจริญวัยมาเป็นพระมหากษัตริย์ถึงสองพระองค์ อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านดู แล้วพวกเราจะรักทุกๆ พระองค์ ค่ะ

 


สวัสดีค่ะ ดิฉัน นางสาวธนิษฐา ชุ่มปัก นะคะ ทำงานอยู่ที่ห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข หนังสือเล่มโปรดของดิฉันชื่อ "กฎเหล็ก 89 ข้อ ทำการค้าให้สำเร็จแบบคนจีน" โดย คุณอนันต์ จันทร์เจริญ

ที่เลือกหนังสือเล่มนี้เพราะว่ามันให้แง่คิดเกี่ยวกับการทำงาน การดำรงชีวิต เช่น การพบปะผู้คนนี่จะต้องทำยังไง การทำงานร่วมกับคนอื่น การทำงานเป็นทีม เพื่อที่จะให้เราทำงานร่วมกับเค้าได้จนประสบความสำเร็จ ที่ชอบเพราะแนวคิดของเค้า บางครั้งมันโดนใจหลายๆ อย่างๆ และ font ของหนังสือมันก็ทำให้อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ หรือคำคมต่างๆ ก็อ่านง่าย ได้ใจความ

ขอยกตัวอย่างนะคะ เช่น ของคุณบุญชัย เบญจรงคกุล เค้าบอกว่า "...ผมชอบสามก๊ก อ่านแล้วช่วยให้ผมได้แนวคิดหลายอย่าง โดยเฉพาะในการแข่งขันทางธุรกิจ การวางแนวรุก แนวรบ ผิดแต่ว่าเนื้อหาอาจจะเกี่ยวกับการสงคราม ใช้อาวุธห้ำหั่นกัน แต่กลับเลือกนำมาใช้ในการทำสงครามเศรษฐกิจได้..."
คือการที่เราจะทำอะไรสักอย่างนี่ เราก็ต้องรู้ อย่างการทำงานเนี่ย ถ้าเราไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วเราจะทำได้ยังไง ต้องมีการวางแผน ทำไปได้มั้ย ถ้าทำไม่ได้ แต่ยังทำ ยังไงมันก็ไม่ได้ ... การทำงานเป็นทีมก็เหมือนกัน ถ้าเราทำคนเดียว งานมันก็ไม่มีคำว่าสำเร็จหรอก แต่ถ้าเราทำเป็นทีม มีความคิดของคนหลายๆ คนมารวมกัน งานมันก็จะสำเร็จ

 


 

สาวิตรี เต็กแดง (นุ่น) จากห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข นะคะ หนังสือเล่มโปรด...จริงๆ แล้วมีหลายเล่มค่ะ แต่วันนี้ขอยกตัวอย่างเล่มที่เป็นนักเขียนคนโปรดแล้วกันนะคะ หนังสือชื่อเรื่อง "ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ" ค่ะ เป็นของ "หนุ่มเมืองจันท์"

ที่ชอบหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือที่นำเอาเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจมาทำให้สามารถอ่านได้ง่าย ผู้แต่งใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่าย เข้าได้ถึงคนทุกเพศ ทุกวัย คือไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดๆ ก็สามารถหยิบมาอ่านได้ค่ะ นอกจากนี้ในแต่ละเรื่องยังมีอารมณ์ขันเล็กๆ ที่สามารถเรียกรอยยิ้มได้หลังจากที่อ่านจบ นอกจากจะอ่านสนุกแล้ว ก็ยังได้ความรู้ในการทำธุรกิจด้วย และยังสามารถนำแนวคิดในแต่ละเรื่องมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่แต่ในเรื่องธุรกิจอย่างเดียว

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความที่เขียนในคอลัมน์ในมติชนสุดสัปดาห์ เป็นเรื่องสั้นๆ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ชอบอ่านหนังสือแบบที่เป็นเรื่องสั้นๆ ที่นำเอาหลายๆ เรื่องมารวมกันอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ จึงเป็นหนังสือเล่มโปรด

นอกจากเล่มนี้แล้ว ก็ยังมีเล่มอื่นของ"หนุ่มเมืองจันท์" เช่น ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่ คำถามสำคัญกว่าคำตอบ จุดหมายที่ปลายเท้า ชีวิตไม่ยาก ถ้าตั้งโจทย์ง่าย ฝันใกล้ใกล้ ไปช้าช้า เป็นต้น ซึ่งก็เป็นคอลเล็คชั่น ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ก็อยากแนะนำให้ได้ลองอ่านกันค่ะ แล้วจะรู้ว่าบางทีธุรกิจก็เป็นแค่เรื่องขำๆ

 

 


สวัสดีค่ะ นันทินี กลิ่นจันทร์ นะคะ จากงานคลัง ชอบอ่านหนังสือชุด “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” ของ คุณหนุ่มเมืองจันท์ เพราะว่าเป็นหนังสือแนวบริหารที่เข้าใจง่าย มีหลักการคล้ายๆ กับตำราที่เราเรียนมา แต่ว่าอ่านแล้วมันเข้าใจได้ดี เห็นภาพได้มากขึ้น แล้วก็จะชอบอ่านหนังสือแนวบริหารของท่านอื่นๆ ด้วย หลายๆ ท่านที่แต่งแนวนี้ก็จะอ่านหมด แต่ที่ถูกใจ เรียกว่าถ้านึกถึงก็ต้อง คุณหนุ่มเมืองจันท์ คนนี้

เค้าจะมี ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ที่ต่อๆ กันมา เป็นคอลัมน์แล้วก็มารวมเป็นพ็อกเก็ตบุ๊ค ชอบแทบจะทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของภาวะผู้นำ อย่างของ คุณโชค บูลกุล คือเค้าจะเอาวิธีการคิด การเป็นผู้นำของฟาร์มโชคชัยมาพูดถึง คือไม่ได้พูดถึงเฉพาะธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วค่อยเอามาพูด แต่เค้าพูดตั้งแต่คุณโชค บุญกุล เพิ่งกลับมา แล้วก็ทราบว่าคุณพ่อเป็นหนี้เนื่องจากทำธุรกิจ ทำโรงนา ทำฟาร์ม แล้วเค้ากลับมานั่งในตำแหน่ง CEO คือเพิ่งกลับมาแล้วก็มานั่งคิดว่าอะไรที่ได้กำไร ไม่ได้กำไร ควรตัดตรงไหน ควรต่อไหน แล้วที่ตัดไปแล้ว กับคนจะต้องทำยังไง คือไม่ใช้ว่าตัดโป๊ะและก็ปล่อยไป ลอยแพกันไป เค้าก็จะหาวิธีนะ อาจจะปรับเปลี่ยนไปว่ามาทำโน่นทำนี่ก็ว่ากันไป

และก็ชอบคำคมของคุณโชค บุญกุล ที่คุณหนุ่มเมืองจันท์ เขียนไว้ให้สำหรับการบริหารงานของเขาก็คือ คนที่เป็นผู้นำไม่ใช่ว่าจะวางวิสัยทัศน์ไว้สวยหรู แต่จะต้องทำให้ลูกน้องเห็นว่าคุณเป็นคนที่น่าศรัทธาและน่าเดินตาม มันถึงจะสำเร็จ


ณัฏฐ์นภพร กุลศิริเขมจิรา (คุณน้ำ งานตรวจสอบฯ)

ช่วงนี้ก็มีชอบๆ อยู่หลายเล่ม แต่ในส่วนของวิชาชีพหรือการทำงานที่เกี่ยวข้องเนี่ยจะเน้นไปด้านการตรวจสอบภายใน พวกการบริหารความเสี่ยง ตอนนี้อ่านหนังสือในชุดของตลาดหลักทรัพย์ เป็นหนังสือที่เขียนได้ค่อนข้างดีมากเลย แล้วก็ในภาพรวมของธุรกิจก็จะอ่านหนังสือชุดนี้กัน ในส่วนของวิชาชีพของการทำตรวจสอบภายใน ก็จำเป็นอย่างมากเลยที่จะต้องอ่านหนังสือชุดนี้ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหนังสือในชุดของตลาดหลักทรัพย์ก็มีหลายๆ แนวทาง เช่น หนังสือแนวทางการควบคุมภายในที่ดี โครงสร้างกรอบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน ซึ่งองค์กรหรือบริษัทต่างๆ ก็จะเน้นส่วนของการจัดการบริหารความเสี่ยง ในชุดของตลาดหลักทรัพย์มีเล่มนึงที่ชอบมากเลยคือ “แนวทางการตรวจสอบภายใน” เพราะมันเป็นหนังสือที่ใช้ในการปฏิบัติงานในส่วนสายงานของเราด้วย

ในหนังสือเล่มนี้จะสอนเทคนิคหรือแนวทางต่างๆ ในการปฏิบัติงานว่าเราจะทำยังไง ให้การปฏิบัติงานของงานตรวจสอบภายในเป็นแนวทางการทำงานยุคใหม่ ก็คือไม่ใช่เป็นการจับผิด แต่จะมุ่งเน้นในส่วนของการทำอย่างไรถึงจะทำให้องค์กรเกิดความเชื่อมั่นในในกิจกรรมของการตรวจสอบภายใน ที่จะเสริมสร้างมูลค่าให้แก่องค์กร และก็ส่วนของวิธีหรือแนวทางการปฏิบัติก็จะเน้นเป็นการปฏิบัติของยุคปัจจุบันที่ไม่ใช่เน้นการจับผิด แต่ก็จะมีบ้างอย่างเช่นการตรวจสอบการทุจริต เนื้อหาก็จะเน้นที่กิจกรรมต่างๆ ที่เราทำเกี่ยวกับงาน ทำให้เรามีแนวทางสำหรับปฏิบัติงานได้ดียิ่งขึ้น สอนให้เรามีมุมมองและทัศนคติของการปฏิบัติงานในมุมกว้างที่จะส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับหน่วยรับตรวจต่างๆ ทำให้การเชื่อโยงเพื่อการปฏิบัติงานดียิ่งขึ้น มีเทคนิคการปรับปรุงการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในหนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านแล้วก็จะทำให้เราได้ความรู้มากมาย ในส่วนที่จะนำมาใช้ประกอบกับวิชาชีพและการทำงานตรวจสอบภายในให้ดียิ่งขึ้นค่ะ


หนังสือเล่มโปรดของ ลัดดาวัลย์ เปียเนตร์ (ยุ้ย พัสดุ)

หนังสือที่ชอบนะคะ เป็นหนังสือเกี่ยวกับเด็กเพราะว่าตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ ชอบหนังสือที่ชื่อว่า "เจ้าตัวน้อย" จะบอกถึงคู่มือการดูแลบุตร มันจะมีอยู่สองเล่ม เล่มแรกจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่าก่อนที่เราจะเป็นคุณแม่เนี่ย อายุ 1-9 เดือนนี่ต้องทำอะไรบ้าง

และเรื่องที่สองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการดูแลลูกตั้งแต่อายุ 1-3 ปี ในนั้นจะบอกหมดเลยค่ะว่าเราเป็นคุณแม่ตั้งแต่เดือนแรกต้องทำอะไร ลูกมีเซลล์ส่วนไหนงอกขึ้นแล้วต้องทำอะไรบ้าง เตรียมตัวยังไงบ้างเกี่ยวกับตัวเอง เล่มที่สองจะเป็นการเลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูลูกน้อย พัฒนาการ การอาบน้ำอาบท่า การให้กินอะไรแบบนี้ อ่านแล้วประทับใจมากๆ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งนึงที่ทำให้เรารู้ว่าต่อไปนี้คุณแม่คนใหม่จะต้องทำอะไรบ้าง


ปพิชญา สุขสะอาด (คุณหนิง งานตรวจสอบฯ)

หนังสือที่ชอบนะคะคือ "ยูลิซิสมัวร์" เป็นวรรณกรรมเยาวชนแนวผจญภัยนะคะ เขียนโดย "เซ็นจูรี่" มีทั้งหมด 6 เล่ม เป็นเรื่องการผจญภัยของเด็กสามคน ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับประตูสู่กาลเวลา ซึ่งจะนำพาพวกเค้าไปยังที่ต่างๆ

พวกเด็กๆ สามคนเนี่ยมีจินตนาการที่จะท่องโลกกว้าง พวกเค้าจะเจอกับปริศนาและก็ต้องแก้ปริศนาเหล่านั้นเพื่อจะค้นพบเป้าหมาย ในเล่มแรกจะกล่าวถึงแผ่นที่ของเมืองซึ่งหลุดออกจากแผ่นที่ไปแล้ว คือมีผู้ดูแลประสู่กาลเวลารุ่นเก่าๆ ได้ลบเมืองนี้ออกไปเพื่อปกป้องไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใช้ประตูสู่กาลเวลาเพื่อใช้ในแง่ธุรกิจ แต่อยากให้มันยังคงเป็นความลับต่อไป รุ่นแรกๆ ของผู้พิทักษ์ประตูสู่กาลเวลาจะคอยพิทักษ์ไม่ให้ใครเข้ามากล้ำกรายประตูออกจากคนที่ไม่ดี ...

ข้อคิดดีๆ ก็คือสอนให้เรามีสติและปัญญา มีความพยายามที่จะไขปัญหาโดยใช้การสังเกตเหมือนอย่างเด็กๆ ทั้งสามคน

 
ปรับปรุงครั้งล่าสุด : 2 มิถุนายน 2565 stang.sc.mahidol.ac.th/bookfair2011