“อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ”
นักโบราณคดีและประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าเอเชียและเครื่องแต่งกายไทย
อดีตคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันถวายงานรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ในการบรรยายพิเศษวิชาไทยคดีศึกษา (ทัศนศึกษา
ณ พระบรมมหาราชวัง ) ให้แก่นักเรียน โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
เป็นที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิตจำกัด
กรรมการผู้จัดการบริษัทเผ่าทอง ทองเจือและเพื่อนจำกัด เจ้าของห้องเสื้อเผ่าทอง
และบริษัทท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม "อัญญมัญญา"
อาจารย์เผ่าทองเป็นนักสะสม ทั้งผ้าโบราณ และหนังสือด้านศิลปะ
ประวัติศาสตร์ และสิ่งทอ ที่สะสมไว้เป็นการส่วนตัว จำนวนนับหมื่นเล่ม
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่มอบความสุขให้ชีวิตตัวเองด้วยการเลือกทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก
ทั้งที่มีภาระหน้าที่ต่างๆ มากมาย แต่อาจารย์เผ่าทองกลับรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงาน
ครั้งหนึ่ง อาจารย์ต้องต่อสู้กับมรสุมร้ายในชีวิต นั่นคือ
การป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ท่านเคยให้สัมภาษณ์ว่า “แทบไม่รอด” ท่านจึงเริ่มปล่อยวางภาระหน้าที่บางอย่างลง
เหลือเพียงงานที่คิดแล้วว่าชอบและอยากจะทุ่มเทเวลาให้มากที่สุด
“...มันไม่สามารถตอบได้ว่าชอบช่วงไหนหรือรู้สึกว่าชีวิตช่วงไหนได้ประสบการณ์คุ้มค่าที่สุด
เพราะว่าทุกช่วงเวลาที่เราทำงานต่างๆ มันล้วนแต่ทำด้วยความสนุก
เหมาะกับกาลเวลาและอายุ”
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ อดีตคือ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หรือ ในอีกหนึ่งบทบาทที่หลายท่านยังจำกันได้คือ ท่านเป็นนายแบบชื่อดังของเมืองไทย
ที่นิตยสารแฟชั่นในสมัยนั้น ต้องมีรูปของท่านในหนังสือหากต้องการเพิ่มยอดขาย
แต่ ณ เวลานี้ท่านเป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ผลิตจากผ้าไทย
โดยออกแบบและตัดเย็บด้วยฝีมือคนไทยระดับรากหญ้า ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่จังหวัดลำพูน
ด้วยความที่ต้องดูแลคนหมู่มาก ท่านจึงเลือกที่ใช้วิธีสร้างความผูกพันกับลูกน้องด้วยการลงไปทำงานร่วมกัน
ใช้ชีวิตร่วมกัน มีความเอาใส่ใจและพยายามสร้างความสุขให้เกิดขึ้นภายในองค์กร
“...เราดูแลลูกน้องเหมือนคนในครอบครัว เขาเจ็บป่วยเราก็พาไปรักษา
เป็นความสุขใจคุณภาพชีวิตของคนทำงานที่ต้องใส่ใจหาความสุข มีหลายต่อหลายคนอาจจะทำงานเพราะไม่มีทางเลือก
อันนั้นเป็นความเศร้าและความซวยของชีวิต เพราะไม่มีโอกาส ตัวเองพยายามหาโอกาสที่จะเลือกได้
โดยเฉพาะต้องเป็นผู้เลือกเสมอ ไม่ยอมเป็นคนถูกเลือก ความสุขที่ได้ทำงานในสิ่งที่รักและชอบจึงเกิดขึ้น
ถือว่าตัวเองโชคดี หากงานไม่สามารถสร้างความสุขให้เรา เมื่อนั้นจะรู้สึกเบื่อหน่ายงานประจำ
เป็นความซ้ำซากจำเจ แต่เมื่อคนเรามีความสุข สุขนั้นย่อมช่วยส่งผลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้าง
ย่อมเกิด Happy Heart”
นอกจากนี้อาจารย์ยังยึดหลักคำสอนของศาสนาทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม
เป็นคติประจำใจในการบริหารงาน เพราะอาจารย์เชื่อว่าทุกคำสอนล้วนช่วยสร้างศีลธรรมให้เกิดขึ้นได้
ซึ่งก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีจากภายในนั่นเอง
แม้จะมีภาระหน้าที่มากมาย แต่อาจารย์เผ่าทองกลับมีความสุขจากการทำงาน
“งาน” ที่ท่านเลือกเองและพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างสิ่งนั้น
ท่านที่สนใจและอยากรู้จักตัวตนตลอดจนแนวคิดของอาจารย์เผ่าทองให้ลึกซึ้งกว่านี้
สามารถพบกับท่านและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยในบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ในเสวนาพิเศษงานมหกรรมหนังสือมหิดล-พญาไท บุ๊คแฟร์ ครั้งที่
๖ ในวันอังคารที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ ห้อง K๑๐๒ อาคารเฉลิมพระเกียรติ
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท ตั้งแต่เวลา ๑๓.๓๐ น.
เป็นต้นไป
|