การประชุมวิชาการหอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี 2559
เรื่อง บทบาทสถาบันการศึกษาเพื่อประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัล
จัดโดย หอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล
ณ ห้องประชุมเทพรัตนทันตกิจสโมสร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 4
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2559เวลา 08.30 – 16.30 น
ผู้เข้าร่วมการประชุม
1. นางสาววรัษยา สุนทรศารทูล
2. นางสาวกนกพร งามสว่างรุ่งโรจน์
3. นายเฉลิมพันธุ์ ตาทิพย์
วันที่ 23 พ.ย. 2559 สรุปหัวข้อการประชุม ได้ดังนี้
หัวข้อที่ 1 แผนพัฒนาดิจิทัลไทยแลนด์ในมิติสถาบันการศึกษา
วิทยากร : ดร. กษิติธร ภูภราดัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิจัยนโยบายสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
ที่มาของการจัดทำแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
- คำว่า Digital Economy เริ่มปรากฏจากหนังสือ Digital Economy: Promise and Peril in the Age of Networked Intelligence (1997) ของ Don Tapscott
- เทคโนโลยีที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมยุคดิจิทัล ได้แก่ Mobile Internet & Broadband Internet, Automation และ Internet of Things (IoT) อันเนื่องมาจากอุปกรณ์หลายอย่างถูกเชื่อมโยงเข้ากับอินเทอร์เน็ต
- ข้อมูลข่าวสารเปรียบเสมือนแหล่งน้ำมันแห่งใหม่
- เกิดเศรษฐกิจในรูปแบบ The sharing economy แบ่งปันการใช้งานร่วมกันเฉพาะบางส่วน เช่น Uber ผู้ให้บริการรถแท็กซี่โดยไม่มีรถแท็กซี่ของบริษัทเอง Facebook ผู้ใช้บริการสังคมออนไลน์แต่ไม่สร้าง Content เป็นต้น บริการหลากหลายอย่างเปิดให้เช่าและผู้ซื้อจ่ายเฉพาะส่วนที่ใช้จริงๆ ทั้งนี้ผู้บริโภคและให้บริการอาจเป็นคนๆ เดียวกัน
สาระสำคัญของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
- ประเทศในแถบยุโรปได้กำหนดนโยบาย Digital Economy เป็นวาระแห่งชาติ โดยดิจิทัลไทยแลนด์(Digital Thailand) ถูกนิยามว่า ประเทศไทยสามารถสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม ข้อมูล ทุนมนุษย์ และทรัพยากรอื่นใด
- Digital Economy เป็นหนึ่งในนโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ มุ่งเน้นผลลัพธ์จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเปลี่ยนวิธีคิดของคน ให้มุ่งสร้างนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้เทคโนโลยี
- ภูมิทัศน์ดิจิทัลไทยใน 20 ปี
– ระยะที่ 1 Digital Foundation (1 ปี 6 เดือน)
– ระยะที่ 2 Digital Thailand I: Inclusion (5 ปี)
– ระยะที่ 3 Digital Thailand II: Full Transformation (10 ปี)
– ระยะที่ 4 Global Digital Leadership (10 – 20 ปี)
- เป้าหมาย 10 ปี
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันก้าวทันเวทีโลก
- สร้างโอกาสและความเท่าเทียมทางสังคม
- พัฒนาทุนมนุษย์สู่ยุคดิจิทัล
- ปฏิรูปภาครัฐ
- ยุทธศาสตร์ 6 ด้าน
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
- ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- สร้างสังคมคุณภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- ปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
- พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
- สร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
- บทบาทและนัยต่อสถาบันการศึกษา
- พัฒนาศักยภาพของประชาชนในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์และสร้างสรรค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะรู้เท่าทันสื่อ (DigitalLiteracy)
- ส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้กับบุคลากรในสายวิชาชีพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ปฏิบัติงานในภาครัฐและเอกชนทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
- เพิ่มโอกาสการได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานของนักเรียนและประชาชน แบบทุกวัย ทุกที่ ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่นโครงการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน Thai MOOC
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลทุกรูปแบบได้อย่างเท่าเทียมกัน
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/digitalthailand.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.digitalthailand.in.th/
หัวข้อที่ 2 ตระหนักรู้และก้าวทันสื่อสังคมออนไลน์ในสังคมดิจิทัล
วิทยากร : วรรณวิทย์ อาขุบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
- การตระหนักรู้และก้าวทันสื่อดิจิทัล ช่วยเพิ่มช่องทางและเปิดโอกาสให้แก่ประชากรในประเทศ ไม่ใช่เพียงสอนให้รู้จักใช้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ควรสอนให้รู้จักใช้ความคิดวิเคราะห์ในการตัดสินต่อสิ่งที่อ่าน-เขียน-ทำต่อผู้ที่ถูกกล่าวถึง
- อินเทอร์เน็ตกับสังคมไทย
– จำนวนชั่วโมงการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย โดยเฉลี่ย 45 ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือ 6.4 ชั่วโมง/วัน โดยใช้อินเทอร์เน็ตสำหรับ Social Network เป็นส่วนใหญ่
– สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของคนไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ Youtube, Facebook, Line ซึ่งความนิยมในการใช้แตกต่างกันตามรุ่น (Generation)
- สถานการณ์เวทีโลก รองรับการพัฒนา Digital Economy
– 1 ในทักษะจำเป็นในยุคดิจิทัล คือ การรู้เท่าทันสื่อ (Digital Literacy)
– มีการจัดตั้ง ICANN เพื่อกำกับดูแล IT ในระดับสากล
– เกิดเวทีระดับชาติว่าด้วยการอภิบาลอินเทอร์เน็ต ภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องนโยบายด้านอินเทอร์เน็ตและสารสนเทศ (ประเทศไทยเข้าร่วมด้วย)
- สังคมไทย กับ Digital Literacy
– จาก Digital Economy คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ไปสู่ Digital Societyประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล
– การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ดี เช่น ชวนคนปลูกป่า ตามหาคนหาย ช่วยชาวนาขายข้าว เป็นต้น
– การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางเสื่อมเสีย เช่น กรณีชายรองเท้ามีรู คดีกราบรถ เป็นต้น ทำให้เกิด Cyberbullying (การกลั่นแกล้งกันบนโลกไซเบอร์)
- อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
– ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น Phishing อีเมลหรือเว็บไซต์ปลอมหลอกถามรหัสผ่าน, Ransomware เรียกค่าไถ่ โดยยึดข้อมูลในเครื่องของคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ สามารถร้องเรียนได้ที่ ThaiCERT
– ThaiCERT (Thai Computer Emergency Response Team) หรือ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในประเทศไทย
- แนวทางปฏิบัติในสังคมดิจิทัล
- ไม่แสดงข้อมูลหรือที่อยู่จริงบนโลกออนไลน์
- ไม่โพสรูป ที่แสดงทรัพย์สินภายในบ้านบนโลกออนไลน์
- ระวังพิษภัยจากเพื่อนตัวปลอม เพราะอาจเป็นพวกต้มตุ๋นปลอมตัวมาหลอกถามข้อมูลส่วนตัวเรา
- ไม่ควรเช็คอินบอกสถานที่อยู่ตลอดเวลา
- กำหนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป
- ระวังการอัพโหลดภาพขึ้นสังคมออนไลน์ อาจมีข้อมูลละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือละเมิดลิขสิทธิ์ของคนอื่น
- อ่านเงื่อนไขการให้บริการในเว็บไซต์หรือโปรแกรมเสริม
- ไม่ควรบอกรหัสผ่านกับผู้อื่น
- ไม่ควรเผยแพร่ข้อมูลทางการเงิน
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/onlinesocial.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://ictlawcenter.etda.or.th
หัวข้อที่ 3 – MOOC : Transforming Education for Transforming Lives
วิทยากร : วิลาศ วูวงศ์ ที่ปรึกษาอธิการบดีฝ่ายการศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
- MOOC (Massive Open Online Course) คือ คอร์สเรียนฟรีออนไลน์ที่รองรับผู้เรียนจำนวนมาก
– เป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาด้านการศึกษา ที่รองรับผู้เรียนเป็นแสนๆ แม้จะอยู่ห่างไกล
– MOOC Providers ชั้นนำ เช่น Coursera, Udacity, edX, NovoED, Iversityและ Future Learnเป็นต้น
– Open edX เป็น platform สำหรับสร้าง MOOC สำเร็จรูป มหาวิทยาลัยมหิดลส่งเสริมให้นำไปพัฒนาต่อยอดโดยใช้ชื่อว่า MUx
– จาก MOOC จะพัฒนาไปเป็น OER และกลายเป็น Open Education
- OER (Open Educational Resources) คือ แหล่งการเรียนรู้ด้านการศึกษาที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- Open Education เป็นแนวคิดและการเคลื่อนไหวที่สนับสนุนให้เปิดและแบ่งปันทรัพยากรการศึกษา เช่น ตำรา หนังสือ เลคเชอร์โน๊ต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ในอนาคตบทบาทของมหาวิทยาลัยเปลี่ยนเป็น OPEN Education เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ลดความเหลื่อมล้าเพิ่มประสิทฺธิภาพการใช้งบประมาณ และจัดการศึกษาให้ตรงความต้องการของสังคม โดยจะต้องสร้างเครือข่าย Open Textbooks ให้เกิดขึ้น
- MOOC เป็นคำตอบหนึ่ง แต่ทางออกควรเป็น Open Education
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/MOOCs.pdf
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MOOCs ระดับโลก : http://stang.sc.mahidol.ac.th/text/moocs.htm
หัวข้อที่ 4 –Internet of Things on Cloud and Big Data for Thailand 4.0
วิทยากร : ยืน ภู่วรวรรณ ที่ปรึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- ในอนาคตเครื่องจักรกลจะฉลาดมากขึ้น สารสนเทศมีมากขึ้น รูปแบบการเรียนรู้เปลี่ยนไปสารสนเทศแปลงสภาพกลายเป็น Digital Object อาชีพในอนาคตอาศัยทักษะเฉพาะด้านมากขึ้น
- ประชาชนจะต้องมี Digital and Media Literacy, Deep Learning
- ยุคดิจิทัลเป็นการผสมผสานระหว่าง Cyber World และ Physical World
- สิ่งของหรือเครื่องใช้ต่างๆ จะถูกบรรจุความสามารถทางดิจิทัลเช้าไป ทำให้อุปกรณ์เกิดความฉลาด (Smart Object) และนำไปประยุกต์ใช้ในสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ธนาคาร, การซื้อขาย, อุปกรณ์การแพทย์, อุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น
- เทคโนโลยีฝังเข้าไปในทุกสิ่ง, ระบบการสื่อสารสร้าง UX แบบใหม่, อุปกรณ์สื่อสารกับผู้ใช้ผ่าน Cloud
- อุปกรณ์ทำงานแบบ Automed บน Platform System
- Thailand 4.0 ล้อมาจากคำว่า Industry 4.0
Industrial 4.0 > Thailand 4.0 > Creativity + Innovation = Smart Thailand
- IoT เชื่อมต่อ สื่อสารกับสิ่งของ เกิดการบูรณาการข้อมูลในโลกความจริง และสร้างข้อมูลจำนวนมาก จึงต้องนำมาวิเคราะห์ด้วย Data Science
- เพื่อรองรับ Thailand 4.0 ประเทศไทยต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ได้แก่ IoT, Cloud และ Big Data
- Media and Information Literacy ต้องเกิดขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยี
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/internetofthinks.pdf
วันที่ 24 พ.ย. 2559 สรุปหัวข้อการประชุม ได้ดังนี้
หัวข้อที่ 1 อนาคตใหม่ของการศึกษาไทยในยุค Thailand 4.0
วิทยากร : ศาสตราจารย์ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา
- ข้อมูลมหาศาล ต้องเอามาแปลงเป็นความรู้ให้ได้
- คลื่น 7 ลูก ได้แก่ สังคมเร่ร่อน สังคมเกษตรกรรม สังคมอุตสาหกรรม สังคมข้อมูลข่าวสาร สังคมความรู้ สังคมปัญญา และยุคสุดท้ายสังคมความดี ปัจจุบันไทยอยู่ในยุคคลื่นลูกที่ 3 สังคมข้อมูลข่าวสาร
- จะก้าวสู่ Thailand 4.0 ต้องปฏิวัติความคิด Thinking + Information = Knowledge
- ส่วนที่ 1 แนวคิดการพัฒนาสู่ Thailand 4.0
– โมเดล 5 ระดับสู่นวัตกรรม ได้แก่ C (Copy), C&D (Copy & Development), R (Research), R&D (Research & Development) และ R&I (Research & Innovation)
– โมเดล 3I Innovation Model ได้แก่ Ideation Innovation, Implementation Innovation และ Impact Innovation
– พัฒนาเทคโนโลยี (techie) และคำนึงปรัชญาอุดมการณ์และประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบท(fuzzie)
- ส่วนที่ 2 บทบาทของการศึกษาไทยในยุค Thailand 4.0
– ใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาคนให้มีสมรรถนะ สนับสนุนให้เกิดเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมทั้งมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
– สร้างกระบวนการอารยาภิวัฒน์พัฒนาสู่ประเทศที่เจริญทุกด้าน ทุกมิติ และทุกองค์ประกอบของสังคม
– การศึกษายุคใหม่ ต้องยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เน้นการคิด พัฒนาสมรรถนะ (ปฏิบัติได้จริง) แสวงหาความรู้ ผลิตองค์ความรู้และนวัตกรรม บูรณาการกับสังคม ร่วมมือกันทำ และเรียนแบบนักปราชญ์
- ส่วนที่ 3 ข้อเสนอแนวทางการจัดการศึกษาไทยในยุค Thailand 4.0
เป้าหมาย : เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างผู้เรียนที่มีสมรรถนะเป็นที่ต้องการ สนับสนุนการคิดนวัตกรรม และการพึ่งตนเองได้บ้างทางด้านเทคโนโลยี
- ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งชาติไทย
- มุ่งสอนและวัดสมรรถนะผู้เรียนบนฐานสมรรถนะ KSL 31220 (ความรู้, ทักษะ, ลักษณะชีวิต)
- จัดการศึกษาบนฐานศักยภาพและความถนัดของผู้เรียน
- พัฒนาหลักสูตรการคิด 10 มิติ (จากหนังสือชุดผู้ชนะสิบคิด)
- ตรี โท เอก ทำวิจัย 3I (Ideation, Implementation, Impact)
- พัฒนาสถานศึกษาทุกระดับสู่สถาบัน 2 และ 3 ภาษา
- สร้างผู้ประกอบการ
- สร้างความร่วมมือ Research & Innovation ระหว่างสถาบันการศึกษากับ ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
- เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสิทธิบัตรทางปัญญา
- ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมในสถานศึกษาทุกแห่ง
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/ithesis.pdf
ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของของวิทยากร ได้ที่ http://drdancando.com/
หัวข้อที่ 2 i-Thesis:เพื่อสังคมไทยสู่สังคมดิจิทัล
วิทยากร : รองศาสตราจารย์ ดร. อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ปัญหาการเขียนวิทยานิพนธ์ ได้แก่
– รูปแบบการเขียนผิดเพี้ยน
– เอกสารอ้างอิงไม่ถูกต้อง
– อาจารย์ที่ปรึกษาพบปัญหาช้าไป
– Digital file มีหลาย version
– ปัญหาการจ้างทำวิทยานิพนธ์
– ไม่มี metadata ฯลฯ
- ทำอย่างไรให้มีระบบบริหารวิทยานิพนธ์และสามารถตรวจการคัดลอกวรรณกรรมได้ทั่วถึง
– i-Thesis + อักขราวิสุทธิ์
– กำหนดให้นักศึกษาเขียนวิทยานิพนธ์ด้วยโปรแกรม i-Thesis
– ตรวจสอบการคัดลอกวรรณกรรมด้วยโปรแกรมอักขราวิสุทธิ์
- โปรแกรม i-Thesis
– จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำหนดให้ใช้ i-Thesis และอักขราวิสุทธิ์ในการตรวจวิทยานิพนธ์
– i-Thesis คือ ระบบบริหารจัดการวิทยานิพนธ์ สำหรับจัดส่งวิทยานิพนธ์ฉบับร่าง/ฉบับสมบูรณ์ ไปยังอาจารย์ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่บัณฑิตศึกษาผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวก
– i-Thesis เป็น Template สำหรับการเตรียมวิทยานิพนธ์ที่ถูกต้อง, ป้องกันข้อมูลสูญหาย, ลดระยะเวลาการส่งวิทยานิพนธ์ และช่วยประหยัดทรัพยากร
- ขั้นตอนการใช้งานระบบ i-Thesis
- นักศึกษากรอกข้อมูลวิทยานิพนธ์บนเว็บพอร์ทัล
- นักศึกษาส่งวิทยานิพนธ์ฉบับร่างไปทางอีเมล์อาจารย์ โดยจะตรวจสอบการคัดลอกวรรณกรรมด้วยโปรแกรมอักขราวิสุทธิ์ไปในตัว
- อาจารย์ที่ปรึกษาอนุมัติวิทยานิพนธ์ฉบับร่าง จากนั้นระบบจะส่งอีเมล์แจ้งผลการพิจารณาไปยังนักศึกษา
- ภายหลังวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ได้รับการอนุมัตินักศึกษาพิมพ์เล่มวิทยานิพนธ์และเอกสารใบนำส่ง ส่งให้ทางบัณฑิตวิทยาลัย
- ติดต่อเพื่อทดลองใช้งานระบบ i-Thesis แจ้งความประสงค์มาที่ ithesis@uni.net.th และ dev-ithesis@uni.net.th
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/thailand4.pdf
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ i-Thesis ได้ที่ https://ithesis.uni.net.th/
หัวข้อที่ 3 Edutainment Variety สื่อการเรียนรู้ที่ให้มากกว่าการเรียนรู้
วิทยากร : คุณวีรณา โอฬารรักษ์ธรรม บริษัท TCBN ผู้ผลิตรายการ Mahidol Channel
- สถาบันสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้แก่โลกได้ คือ สถาบันการศึกษาและสถาบันครอบครัว
- สื่อการเรียนรู้ คือ สื่อที่ให้ความรู้เป็นวิทยาทาน ต่างจากรายการสื่อบันเทิงที่หวังผล
- DLIT, ENG24, Mahidol Channel เป็นตัวอย่างของสื่อการเรียนรู้ที่นำความรู้ไปสู่ภาคประชาชน เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วเกิดการบอกต่อ ช่วยชีวิตคนได้ มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
- Mahidol Channel ทำขึ้นเพื่อนำความรู้ ผลงานวิชาการ งานวิจัยต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมหิดลมาจัดทำเป็นสื่อรายการ เผยแพร่แก่ประชาชาชนที่สนใจความรู้ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ว่า “ปัญญาของแผ่นดิน”
- Business Model ของการสร้างสื่อ ต้องคิดหรือตีโจทย์ให้แตกฉานก่อนว่าจะทำอะไร ประกอบด้วย Key Partners, Key Activities, Key Resources, Value Proposition, Client Relation, Clients, Costs, Revenue
- 4 Key Driver ได้แก่ Content, Platform, Marketing, Big Data หากมองไม่เห็นความเชื่อมโยงจะไม่ประสบความสำเร็จในการสื่อสาร
- 1. Content
– 1 Content สามารถแตกย่อยรูปแบบการนำเสนอออกมาได้มากมาย เช่น เป็นไฟล์ภาพ เสียง กราฟริก ข้อความ ฯลฯ
- 2. Platform
– อุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, แทบเล็ต, PC
– ช่องทางการเผยแพร่ เช่น Youtube สร้างผลระยะยาว สามารถกลับมาดูซ้ำได้ตลอด, Facebook สร้างกระแสได้รวดเร็ว แต่กลับมาดูซ้ำยาก เป็นต้น
- 3. Marketing
– การส่งสารไปยังกลุ่มเป้าหมายต้องใช้หลายสื่อผสมกันในการประชาสัมพันธ์
– Audience Insights เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องรู้ว่า ลูกค้าเป็นใคร และมีพฤติกรรมการบริโภคอย่างไร
– สื่อแพร่แบบเน็ตเวิร์ค ผู้คนแชร์คลิป แชร์ภาพ สื่อแพร่กระจายจนเกิดเป็น Social Power
– ยุคปัจจุบันผู้คนรับสื่อผ่านหลายช่องทางพร้อมๆ กัน
– งานบริการยุคใหม่ มุ่งเน้น Engagement สร้างความผูกพันกับลูกค้า เช่น แคมแปญ Ice Bucket
- 4. Big Data
– 5 Vs ได้แก่ Volume, Variety, Value, Verocity, Veracity
– 5 Vs of Big Data สำคัญมาก ข้อมูล สถิติ ต้องนำไปวิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ ทำได้ผ่านเครื่องมือออนไลน์ เช่น Facebook Insights, Google Analytics
- Story always is a King ไม่ว่าจะเป็นสื่อในอดีตหรือปัจจุบัน Story สำคัญที่สุด มี Key Massage ประโยคสั้นๆ ที่สามารถบ่งบอก Story ทั้งหมดได้
- ข้อมูลในการสร้างสื่อจะต้องมีทั้ง Quantity และ Quality คือ มีข้อมูลที่มากพอและดีพอ และสิ่งที่คนทำงานสื่อต้องมี คือ Passion มีความหลงใหล มีความกระเหี้ยนกระหือที่จะทำ ซึ่งจะทำให้เกิด Relevant, Practical และ Emotional
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/edutainment.pptx
ติดตามรายการ Mahidol Channel ได้ที่ https://www.youtube.com/user/mahidolchannel
หัวข้อที่ 4 ห้องสมุดดิจิทัลในฐานะศูนย์บ่มเพาะทางปัญญาเพื่อการศึกษาเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
วิทยากร : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ ศรีบริสุทธิ์สกุล ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ห้องสมุดยุคใหม่ในฐานะของการสร้างคน รองรับอนาคตที่จะเกิดอาชีพใหม่ เช่น ดูแลผู้สูงอายุ Startup
- ทักษะสำคัญของคนยุค 2020 คือ นักแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เรียนรู้ด้วยตนเองได้และเราจำเป็นต้องเสริมทักษะใหม่ทุกๆ 5 ปี
- ห้องสมุดมีหน้าที่สร้างคนยุค 2020 บ่มเพาะให้คนเป็นผู้ประกอบการ
- การเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ปรับรูปแบบการสอน เช่น ฟินแลนด์สอนแบบอิงสถานการณ์ สหรัฐอเมริกาสอนเป็นลักษณะส่วนบุคคล
- Service Design เป็นเทรนด์มาแรง
- การเดินทางเปลี่ยนผ่านห้องสมุดดิจิทัล มุ่งไปที่ประสบการณ์ของผู้ใช้ กระแสงานในวงจร “เริ่ม ระหว่าง สิ้นสุด” ของการค้นคว้าวิจัย แบ่งปัน เชื่อมโยง บ่มเพาะความคิด
- ความน่าเชื่อถือ คือ จุดแข็งของห้องสมุด
- The Open Syllabus Project – รายวิชาแบบเปิด
- ใส่ Course Syllabus ลงไปในเว็บ และให้บริการได้
- Zooniverse คลังภาพด้านวิทยาศาสตร์
- ยอดเยี่ยมอย่างง่าย
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/LibIncubator.ppsx
วันที่ 25 พ.ย. 2559 สรุปหัวข้อการประชุม ได้ดังนี้
หัวข้อที่ 1 Capture, Streaming, Archive: Content Management System
วิทยากร : ดร.บรรพต สร้อยศรี ผู้จัดการศูนย์พัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วิทยากร : ผศ.กุลเชษฐ์ เล็กประยูร ผู้ช่วยคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
Capture, Streaming, Archive: Content Management
- Capture Classroom ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในห้องเรียนรูปแบบ e-learning (Video)
- Microsoft Producer (2003) เป็น Capture Software รุ่นแรกๆ ที่ใช้สร้าง Capture Classroom ใช้บันทึกวีดิโอการเรียนการสอน ซึ่งจะแสดงภาพผู้สอนซึ่งบรรยายยเนื้อหาไปพร้อมกับ PowerPoint ผู้สอนสามารถนำขึ้นบนเว็บไซต์เพื่อสอนแบบออนไลน์ได้ แต่ Software นี้ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน
- Capture Software ในปัจจุบันมีหลายหลาก เช่น AcuLe@rn, Monosnap, Telestream ScreenFlow, Techsmith Camtasia เป็นต้น
- Capture Software มี 2 รูปแบบ ได้แก่
- Automation – บันทึกโดยอัตโนมัติ เมื่อเริ่มการเรียนการสอนอุปกรณ์ก็จะบันทึกเองโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ห้องเรียนต้องมีอุปกรณ์รองรับ แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- By Yourself – บันทึกด้วยตนเอง ผู้สอนบันทึกการสอนในคอมพิวเตอร์ของตนเอง สามารถแก้ไข ตัดต่อ และเผยแพร่ด้วยตนเอง
- ช่องทางสำหรับ Streaming & Archiving ได้แก่ YouTube Channel, Vimeo, iTuneU (iOS), Edmodo (Andriod)
Digital Asset Management
- Digital Asset Management ประกอบด้วย Key Concept 4 ข้อ ได้แก่
- Capture (การถ่ายทำ) นำเข้าได้จาก Sources หลากหลายแหล่ง เช่น MCR, Studio Production, Virtual Studio, Classroom Capture, Seminar Shooting, Collaboration, Event
- Live Streaming (การส่งสัญญาณภาพและเสียง)
– ใช้เครื่องมือทั้ง Hardware และ Software
– Live stream ในปัจจุบัน เช่น Facebook Live, Skype และ Keynote live (iOS) เป็นต้น
- Archive (คลังข้อมูลการจัดเก็บ) มี Server/Storage รองรับจัดเก็บแบบ Online, Nearline และ Offline
– Media File เลือกใช้ไฟล์นามสกุล .MXF เป็นนามสกุลกลาง
– Deep Archive ได้แก่ ODA, LTO สำหรับจัดเก็บแบบ Offline
– การ Capture ส่วนใหญ่ทำแบบออฟไลน์ แล้วเผยแพร่ออนไลน์
- Content Management System (การบริหารจัดการเนื้อหา-ข้อมูล)
– Metadata Element
– VOD: Video on Demand
เอกสารบรรยาย ดร.บรรพต สร้อยศรี : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/cmscu.pdf
เอกสารบรรยาย ผศ.กุลเชษฐ์ เล็กประยูร: http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/cmsbkk.pdf
หัวข้อที่ 2 Digital Content Collaboration : Digital Library
วิทยากร : คุณกันตพงศ์ บุญญานุพงศ์ Sales & Engineering Manager บริษัท Kramer Electronics Asia
- Digital Content Collaboration กล่าวถึงการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ดิจัทัลและ Content ซึ่งใช้ในสถานศึกษาหรือสถานที่ทำงาน
- อุปกรณ์เพื่อการศึกษามีอยู่ทุกแห่ง เช่น ห้องเรียนในมหาวิทยาลัย ห้องฝึกอบรบของหน่วยงาน เป็นต้น อีกทั้งยังมีระบบการทำงานส่วนใหญ่ที่คล้ายกัน
- ทั้งนี้ ไม่ควรใช้เทคโนโลยีเป็นตัวตั้ง แต่ควรคำนึงถึง Content เป็นหลัก แล้วใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเผยแพร่เนื้อหา ซึ่งสามารถแบ่งปันข้อมูลผ่านอุปกรณ์ได้หลากหลายช่องทาง (BYOD)
- Content Sources ได้แก่ Microphone, PC, Video, Mobile, Video conferencing เป็นต้น
- สถานที่ที่ควรใช้ Educational Facilities ได้แก่ ห้องเรียน ห้องฝึกอบรม ห้องประชุม เป็นต้น
- “Collaboration is working with others to do a task and to achieve shared goals” Collaboration คือ การทำงานร่วมกันเพื่อไปสู่เป้าหมายร่วมกัน
- Collaboration Step = Connect, Coagulate, Engage
- ห้องเรียนยุคเดิม อาจารย์สอนหน้าห้อง นักเรียนฟัง ห้องเรียนยุคใหม่ ต้องเกิดความร่วมมือจากทั้งผู้เรียนและผู้สอน
เอกสารบรรยาย : http://www.li.mahidol.ac.th/conference2016/digitallibrary.pdf
ตัวอย่าง Collaborative Classroom by InfoComm : http://k.kramerav.com/kcc-simulator/