ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วิชัย บุญแสง
ประวัติ
เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2485 ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง สมรสกับทันตแพทย์หญิงพวงทอง เปรมประสิทธิ์ เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยีทางด้านพันธุวิศวกรรมศาสตร์ ในการตรวจหาลายพิมพ์ดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์บุคคล รวมทั้งร่วมพัฒนาการตรวจวินิจฉัยไวรัสในกุ้งกุลาดำ ที่ก่อให้เกิดโรคหัวเหลือง โรคตัวแดงจุดขาวและโรคกุ้งแคระ อันเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งของประเทศไทย
ประวัติการศึกษา
- พ.ศ. 2507 : ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมี มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
- พ.ศ. 2509 : ปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาชีวเคมี มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
- พ.ศ. 2518 : ปริญญาเอก สาขาชีวเคมี Otago University ประเทศนิวซีแลนด์
ประวัติการทำงาน
- พ.ศ. 2535 - 2539 : หัวหน้าภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2539 - 2541 : รองคณบดีฝ่ายวิชาการ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2540 - 2553 : ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
- พ.ศ. 2541 - 2544 : กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2542 - 2545 : ที่ปรึกษาด้านวิชาการของสมาคมกุ้งทะเลไทย
- พ.ศ. 2546 - 2553 : กรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น มูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
- พ.ศ. 2547 - 2549 : กรรมการมูลนิธิไทย-อีริคสัน
- พ.ศ. 2548 - 2552 : ประธานคณะกรรมการสนับสนุนการวิจัย ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ
- พ.ศ. 2549 - 2550 : กรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร
- พ.ศ. 2554 - 2557 : ประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (บวท.)
- พ.ศ. 2557 - 2559 : คณะทำงานติดตามและประเมินผลทางวิชาการ โครงการการพัฒนามาตรฐานและคุณภาพวารสารวิชาการไทย (วช.)
- พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน : กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ
- พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน : กรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์
- พ.ศ. 2550 - ปัจจุบัน : กรรมการรางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มูลนิธิโทเรเพื่อการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ ประเทศไทย
- พ.ศ. 2554 - ปัจจุบัน : ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ
- พ.ศ. 2555 - ปัจจุบัน : อนุกรรมการเกี่ยวกับตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (อ.ก.พ.อ.วิชาการ)
- พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน : อนุกรรมการเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนางานวิจัยของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (อ.ก.พ.อ.วิจัย)
- พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน : อนุกรรมการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทยสู่มหาวิทยาลัยระดับโลก (สกอ.)
- พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน : กรรมการสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ
- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน : คณะกรรมการสรรหานักวิจัยที่มีสมรรถนะสูง มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน : กรรมการสภาวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก
- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน : กรรมการพิจารณากำหนดตำแหน่งทางวิชาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน : คณะอนุวุฒยาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รางวัลเกียรติยศ
- พ.ศ. 2538 : รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการวิจัย
- พ.ศ. 2539 : รางวัลผลงานวิจัยดีเยี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช เรื่อง การสร้างและประยุกต์ใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอในคน จากสภาวิจัยแห่งชาติ
- พ.ศ. 2539 : ร่วมรับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น เรื่อง ชุดตรวจสอบหาเชื้อมาลาเรียด้วยเทคนิคดีเอ็นเอ จากสภาวิจัยแห่งชาติ
- พ.ศ. 2541 : รางวัลกุ้งกุลาทองเกียรติยศ จากชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี
- พ.ศ. 2542 : รางวัลอาจารย์ตัวอย่าง จากสภาอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2543 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช จากสภาวิจัยแห่งชาติ
- พ.ศ. 2543 : รางวัลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมูลนิธิโทเร ประเทศไทย ประเภททีมวิจัย
- พ.ศ. 2545 : รางวัลผลงานวิชาการดีเด่นด้านวิทยาศาสตร์ จากมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย
- พ.ศ. 2546 : รางวัลนักเทคโนโลยีดีเด่น จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์
- พ.ศ. 2547 : รางวัลศิษย์เก่าดีเด่นด้านการวิจัยจากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2548 : รางวัลมหิดลทยากร จากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล
- พ.ศ. 2550 : ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เทคโนโลยีชีวภาพ) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
- พ.ศ. 2551 : ปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ชีวเคมี) มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงานวิจัยที่โดดเด่น
ศ.เกียรติคุณ ดร.วิชัย บุญแสง เป็นผู้ที่อุทิศตน ทำการวิจัยอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลามากกว่า 40 ปี โดยถือหลักว่า งานวิจัยจะเสริมให้งานการเรียนการสอนดียิ่งขึ้น โดยมีผลงานวิจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อสังคมไทย
พ.ศ. 2518 ได้เริ่มวิจัยเกี่ยวกับ เรื่อง ชีวเคมี ของน้ำอสุจิของคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผลวิจัยนำมาประยุกต์ เกี่ยวกับการคุมกำเนิดแผนใหม่ในเพศชาย
พ.ศ. 2521 เริ่มวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง การพัฒนา DNA probe และการใช้เทคนิค PCR เพื่อสร้างลายพิมพ์ดีเอ็นเอ ผลงานวิจัยที่ได้จนถึงปัจจุบัน สามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบความแตกต่างของแต่ละบุคคล ความเกี่ยวข้องทางสายเลือด สามารถพิสูจน์ความเป็น พ่อ-แม่-ลูกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยเป็นห้องปฎิบัติการแรกของประเทศไทย ที่ได้พัฒนาเทคนิคนี้ จนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างกว้างขวาง เทคนิคนี้ยังนำไปประยุกต์ใช้ในการติดตามการทำ bone marrow transplantation ของคนไข้ได้เป็นผลสำเร็จ
พ.ศ. 2530 เริ่มวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง การพัฒนา DNA probe และการใช้เทคนิค PCR เพื่อตรวจเชื้อมาลาเรีย ในคน ยุงพาหะ และเชื้อ Babesia ในสัตว์ เนื่องจากมาลาเรียเป็นโรคติดเชื้อ โดยยุงเป็นพาหะ การตรวจเชื้อมาลาเรียแต่เดิมใช้กล้องจุลทรรศน์ ซึ่งมีความไวต่ำและตรวจได้จำนวนน้อยต่อวัน อีกทั้งยังไม่สามารถจำแนกเชื้อมาลาเรียที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรมได้ จึงพัฒนาจนได้ DNA Probe และใช้เทคนิค PCR ในการตรวจหาเชื้อมาลาเรียในคนไข้ ผลการวิจัยที่ได้สามารถนำมาใช้ตรวจหาเชื้อมาลาเรียได้โดยมีความไวสูง แม้ว่าจะมีเชื้อมาลาเรียอยู่เพียง 1 ตัว ในเลือด 20 ul ซึ่งวิธีนี้ยังสามารถจำแนกชนิดของเชื้อมาลาเรียในยุงที่เป็นพาหะได้ด้วย
นอกจากนี้ได้ทำการวิจัยและพัฒนาเทคนิค PCR เพื่อตรวจหาเชื้อ Babesia ซึ่งพบในวัว ควาย ได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งเชื้อ Babesia นี้สามารถทำให้สัตว์เหล่านี้ตายได้
พ.ศ. 2536 เริ่มวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง การพัฒนา DNA probe และใช้เทคนิค PCR ในการตรวจ ไวรัสหัวเหลือง ไวรัสตัวแดงดวงขาว และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกุ้งแคระในกุ้งกุลาดำ แรงจูงใจที่ได้ทำการวิจัยในโครงการนี้เป็นเพราะว่าอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างรายได้ นำเงินตราเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี และยังมีส่วนในการจ้างแรงงาน ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น แต่เป็นที่น่าวิตกว่าผลผลิตกุ้งในปัจจุบันมีแนวโน้มลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการระบาดของเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงขึ้น 3 โรค คือ โรคไวรัสตัวแดงดวงขาว โรคไวรัสหัวเหลือง และโรคกุ้งแคระ
ผู้วิจัยและคณะได้ทำการพัฒนาเทคนิค PCR มาใช้ในการตรวจหาเชื้อไวรัสที่ก่อโรคในกุ้งกุลาดำ เทคนิคนี้เป็นการเพิ่มปริมาณ DNA ของเชื้อไวรัสที่มีอยู่น้อยเพียงไม่กี่โมเลกุล ให้มีปริมาณมากขึ้นเป็นหลายล้านเท่าในเวลา 2-3 ชั่งโมง ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบหาเชื้อไวรัสในกรณีที่มีเชื้อไวรัสปริมาณน้อย ๆ ขณะที่กุ้งยังไม่แสดงอาการของโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว
โรคไวรัสตัวแดงดวงขาว
เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่ออุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำ ไวรัสชนิดนี้ ทำให้กุ้งตายอย่างรวดเร็ว เชื้อไวรัสทำให้เปลือกหุ้มส่วนหัวของกุ้งมีลักษณะผิดปกติ คือเมื่อดึงเปลือกหุ้มส่วนหัวและขูดเอาเนื้อเยื่อที่ติดออกมาส่องดู จะสังเกตเห็นดวงขาวได้อย่างชัดเจน ผู้วิจัยและคณะได้สร้างดีเอ็นเอตรวจสอบที่มีความจำเพาะ ต่อเชื้อไวรัสตัวแดงดวงขาวด้วยวิธี genomic cloning แล้วนำดีเอ็นเอตรวจสอบที่ได้ไปตรวจกุ้งกุลาดำจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยวิธี In situ hybridization พบว่าดีเอ็นเอตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสตัวแดงดวงขาวได้ทั้งในกุ้งกุลาดำและกุ้งชนิดอื่น ๆ จากนั้นผู้วิจัยและคณะ ได้หาลำดับนิวคลีโอไทด์ของไวรัสตัวแดงดวงขาว เพื่อออกแบบไพรเมอร์ที่เหมาะสมในปฏิกิริยา PCR เพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพลูกกุ้ง พ่อแม่พันธุ์กุ้ง และตรวจหาพาหะของเชื้อไวรัสตัวแดงดวงขาว ถ้าตัวอย่างใดมีการติดเชื้อ จะพบว่ามีผลผลิต PCR ขนาด 232 bp เกิดขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นนี้มีความไวในการตรวจหาเชื้อไวรัสสูงมาก เช่น ตัวอย่างลูกกุ้ง 100 ตัว หากมีลูกกุ้งเพียง 1 ตัว ที่ติดเชื้อไวรัส ก็สามารถตรวจสอบได้ การตรวจ PCR ยังได้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยเทคนิค one-step nested PCR ที่สามารถบ่งบอกถึงความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสตัวแดงดวงขาวได้ โดยการวิเคราะจากจำนวนแถบของผลผลิต PCR กล่าวคือ หากมี 3 แถบ (1,100 bp, 526 bp, 250 bp) แสดงว่ามีการติดเชื้อรุนแรง ถ้ามี 2 แถบ (526 bp, 250 bp) แสดงว่ามีการติดเชื้อปานกลาง และถ้ามีเพียงแถบเดียว คือ 250 bp แสดงว่ามีการติดเชื้อในปริมาณน้อย
โรคไวรัสหัวเหลือง
เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้ง ไม่แพ้โรคตัวแดงดวงขาว โรคไวรัสหัวเหลือง พบในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2534 โดยเกิดขึ้นที่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งกุลาดำในแถบจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม กุ้งที่ติดเชื้อจะมีลักษณะผิดปกติที่บริเวณหัว ซึ่งจะมีสีเหลืองอ่อน ผิดจากกุ้งปกติอย่างชัดเจน บางครั้งพบว่าบริเวณเหงือกจะมีสีค่อนข้างเหลือง กุ้งที่ติดเชื้อจะกินอาหารน้อยลง และตายภายใน 2-3 วัน ในระยะแรกมีรายงานว่า เชื้อไวรัสหัวเหลืองมีสารพันธุกรรมเป็น DNA แต่ภายหลังจากการวิจัยอย่างละเอียดของผู้วิจัยและคณะ พบว่าสารพันธุกรรมของไวรัสหัวเหลือง เป็น RNA คณะผู้วิจัยจึงได้เตรียม clone จาก cDNA ของเชื้อไวรัส และหาลำดับนิวคลีโอไทด์จาก clone ที่มีความจำเพาะต่อเชื้อไวรัสหัวเหลือง แล้วออกแบบไพรเมอร์เพื่อใช้ในการตรวจสอบ RNA ของเชื้อชนิดนี้ด้วยวิธี RT-PCR นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังได้พัฒนาเทคนิค one-step nested RT-PCR มาใช้ในการแบ่งระดับการติดเชื้อไวรัสหัวเหลือง โดยเทคนิคนี้จะประกอบด้วยวิธีเปลี่ยน RNA ให้เป็น cDNA แล้วเพิ่มปริมาณ DNA ด้วยปฏิกิริยา PCR นอกจากนี้จะเพิ่มความไวในการตรวจด้วยวิธี nested PCR ซึ่งปฏิกิริยาทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายในหลอดเดียว ทำให้เกิดความสะดวกในการนำไปใช้ ผลผลิตของ one-step nested RT-PCR ที่ได้ จะมีขนาด 135 bp และ 188 bp ถ้ามีการติดเชื้อหัวเหลืองมากจะพบผลผลิต PCR ทั้ง 2 แถบ แต่ถ้าติดเชื้อน้อยก็จะพบผลผลิต PCR ขนาด 135 bp เท่านั้น
โรคกุ้งแคระ
หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า กุ้งจิ๊กโก๋ เกิดจากเชื้อ Hepatopancreatic parvovirus (HPV) เชื้อไวรัสชนิดนี้ จะไม่ทำให้กุ้งตาย แต่จะทำให้กุ้งแคระแกร็น คือกุ้งที่ได้มีขนาดเล็ก ขายไม่ได้ราคา ผู้วิจัยและคณะ ได้พัฒนาการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV นี้ด้วยวิธี PCR พบว่ากุ้งที่มีการติดเชื้อจะพบแถบของผลผลิต PCR ขนาด 156 bp และต่อมาได้พัฒนาให้มีความไวเพิ่มขึ้น และสามารถแบ่งแยกปริมาณการติดเชื้อ ได้ด้วยวิธี nested PCR ถ้ามีเชื้อมาก จะพบแถบ PCR 2 แถบคือ ขนาด 375 bp และ 262 bp ถ้ามีเชื้อน้อย จะพบแถบของผลผลิต PCR ขนาด 262 bp เท่านั้น
ผลงานวิจัยที่ได้นี้ มีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งกุลาดำเป็นอย่างมาก เพราะเกษตรกรสามารถซื้อลูกกุ้งที่ปลอดโรคไวรัสไปเลี้ยง รวมทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการโรงเพาะฟักที่นำเทคนิค PCR ไปใช้ในการคัดเลือกพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ กุ้งกุลาดำ ที่ปลอดโรคไวรัสมาเลี้ยง และขยายพันธุ์ เพื่อให้ได้ลูกกุ้งที่มีคุณภาพและปลอดโรค ขณะนี้เทคนิคที่พัฒนาขึ้นได้เป็นที่ยอมรับของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการหลายแห่งได้ส่งพนักงานมาฝึกการตรวจโรคไวรัสในกุ้งกับนักวิจัยในห้องปฏิบัติการที่ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัทเหล่านั้นได้นำเทคนิค PCR ไปใช้ในการตรวจเชื้อไวรัสในกุ้งด้วยตนเอง โดยใช้ชุดตรวจสอบที่ห้องปฏิบัติการพัฒนาขึ้น เช่น บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี บริษัทภูเก็ต PCR จำกัด บริษัทโกรเบสท์คอร์โพเรชั่น จำกัด บริษัท Tan Union Trading Co. ประเทศมาเลเซีย และบริษัท Padmanabhana Lab ประเทศอินเดีย เป็นต้น
- ที่มา : รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2543. สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม. [ISBN 974-8260-61-5]
- หน้า 21-32.
- ที่มาภาพ : หน่วยจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล