บันทึกคำสอนของอาจารย์สตางค์

“อาจารย์สตางค์” นั้น นับว่าเกิดมาเพื่อเป็น “ครู” โดยแท้ ท่านให้ความเอาใจใส่ดูแลลูกศิษย์ทุกคนอย่างเสมอภาค ท่านถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ลูกศิษย์อย่างเต็มกำลัง อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ได้เล่าเรียนในระดับสูง มิใช่เพียงแต่ด้านการเรียนเท่านั้น แม้จะมีปัญหาเดือดร้อนในเรื่องอื่นใดก็ตามท่านก็ไม่เคยปฏิเสธลูกศิษย์ ไม่ว่าท่านจะมีภาระงานมากมายเพียงใด

คำสอนบางส่วนของท่านในที่นี้ คัดมาจากหนังสืออนุสรณ์ ของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยหวังว่าคำสอนเหล่านี้จะเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนใจให้ระลึกถึงความห่วงใยของท่านและนำไปปฏิบัติตามให้บรรลุสมดังความตั้งใจของท่าน ซึ่งคำสอนของท่านยังคงใช้ได้ดีเสมอ แม้จะผ่านมานานเพียงใดก็ตาม

ข้าพเจ้าขอให้นักศึกษาทุกคนได้พึงระลึกไว้เสมอว่า ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในการงานต่อไปข้างหน้านั้นจะต้องเป็นผู้ซึ่ง

  1. 1. มีความรู้สูง รู้แจ้งเห็นจริง
  2. 2. มีมารยาทดี รู้จักสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร
  3. 3. มีความตั้งใจจริงในการทำงานตามหน้าที่ของตน
  4. 4. มีสุขภาพดี
  5. 5. มีศีลธรรมและความยุติธรรมประจำใจ

ขออวยพรให้ศิษย์รักทุกคน จงประสบแต่ความสุขและความเจริญทั้งในชีวิตการงานและส่วนตัว

ที่มา: อนุสรณ์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 2504. (2504). [ม.ป.ท. : ม.ป.พ.].

“ขอให้ศิษย์ที่รักทุกคน ฝึกตนเป็นกำลังที่ดีของชาติต่อไป”

ที่มา: วิทยาศาสตร์การแพทย์ 2505. (2505). พระนคร : อักษรสัมพันธ์.

“ขอให้นักศึกษาทุกคนรักความสามัคคี ความขยันหมั่นเพียร ความเป็นผู้มีมารยาทดีงาม”

ที่มา: อนุสรณ์ เตรียมแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2507-2508. (2508). พระนคร : อักษรสัมพันธ์.

“ขอให้ข้อคิดกับลูกศิษย์รักทุกคนว่า การประกอบอาชีพการงานของแต่ละคนในกาลข้างหน้านั้น ความสำเร็จย่อมมีได้มาก ถ้าผู้นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจสูง มีเพื่อนฝูงมาก ฉะนั้น ขณะที่ลูกศิษย์ทั้งหลายกำลังศึกษาร่วมสำนักเดียวกันนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะหาเพื่อนที่ดีไว้”

ที่มา: วิทยาศาสตร์การแพทย์ อนุสรณ์. (2507). พระนคร : จักรวาลการพิมพ์.

ความเจริญของสถาบันการศึกษาจะก้าวหน้าไปได้ไกลเพียงไร ย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญา ความรอบรู้ที่จะผลิตผลงานของบุคคลในสถาบันนั้น การมีตึกทดลองใหญ่โต มีเครื่องมือทดลองพร้อมบริบูรณ์นั้นปราศจากความหมาย ถ้าบุคคลผู้ที่อยู่ใช้นั้นมือไม่ถึง ข้อสังเกตที่อาจารย์ต้องการจะกล่าวเพื่อเตือนสติลูกศิษย์รักทุกคนถึงความบกพร่องก็คือ

1. เรียนกันแบบเล่น ๆ ไม่เอาจริงเอาจัง ต่อไปจะติดนิสัยและทำให้เป็นผลเสียต่อความเจริญของบ้านเมือง เพราะมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งผลิตบุคคลชั้นมันสมองของประเทศ แต่ถ้าบุคคลที่ผลิตออกมา มีลักษณะทำงานไม่เอาจริงเอาจัง โง่ แล้วก็นับว่าเป็นกรรมของบ้านเมืองจริง ๆ

2. ชอบแบ่งพรรคแบ่งพวก ขอให้เลิกเสีย ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ด้วยกันในที่แห่งเดียวกันนี้เป็นโอกาสอันดีที่สุด ที่จะมีเพื่อนที่ดีในสาขาวิชาอาชีพต่าง ๆ กัน ถ้ามัวแบ่งพรรคแบ่งพวกหรือตีกันต่อไป เมื่อออกไปประกอบอาชีพจะรู้สึกเสียใจ เพราะการทำงานให้สำเร็จในเมืองไทยเรานั้น ย่อมอาศัยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นส่วนใหญ่คนที่ปราศจากเพื่อน จะทำงานใหญ่ไปไม่ได้ผลเลย

3. ความมีระเบียบ วินัย รู้สึกว่าแย่มาก สังเกตได้ในห้องสอนวิทยาศาสตร์ เช่น โต๊ะทดลองสกปรก มือไม้เปียกเลอะเทอะ แต่ยังนั่งทำการทดลอง สัญลักษณ์แบบนี้เหมาะที่จะเป็นกรรมกรมากกว่า จะเป็นนักวิทยาศาสตร์

ขอเตือนในเรื่องนี้เสียแต่บัดนี้ เพราะปีหน้าเราจะย้ายไปอยู่ที่ตึกใหม่ของคณะ หน้ากระทรวงอุตสาหกรรม จะไปทำสกปรก เช่น โยนก้นบุหรี่ เศษกระดาษ ฯลฯ ลงกับพื้นไม่ได้เป็นอันขาด ต่อไปทางคณะฯ จะมีอาจารย์ ฝรั่ง ทั้งอเมริกัน อังกฤษ ออสเตรเลีย เยอรมัน มาอยู่มาก ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด ต้องทำให้สถานศึกษา ของเราเชิดหน้า
ชูตา อย่าให้เขากลับไปแล้วเอาไปสวดว่า สถานที่สกปรกและนักศึกษาชอบเอาแต่เรื่องสนุกเฮฮา แต่กับการเรียนไม่เอาถ่านเลย

ที่มา: หนังสืออนุสรณ์ ปี 2509

"ขอให้บัณฑิตทุกคนมีความสามัคคีกัน เพื่อจะได้ร่วมนำความรู้ความสามารถไปใช้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์"

ที่มา: หนังสือที่ระลึก บัณฑิตมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2509